xanga tracking
herbs-in-manman
manman clip
herbs-in-manman  flowermanman
manman.flixya
 hellomanman
 happy-topay
 invite-buying
 men-women-apparel

sex shop
diarylovemanman
 homemanman
 menmen-love
alovemanman
news-the-world
 foodmanman
 ghost-in-manman
 U.F.O.manman
herbs-in-manman
 manman

Friends talk contact man love
manes2006@ovi.com

Recommended.

วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2553

การขลิบ Circumcision

การขลิบ Circumcision

ปัจจุบันนิยมการขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศตั้งแต่ยังเป็นเด็กทารกโดยอาจจะมีเหตุผลทางศาสนา หรือความเชื่อตั้งแต่อดีตว่าการขลิบสามารถป้องกันมะเร็งได้ ปัจจุบันสมาคมกุมารแพทย์ประเทศอเมริกาไม่แนะนำให้ทำการขลิบหนังปลายอวัยวะเพศให้กับเด็กทุกคน พ่อแม่ควรจะปรึกษากับแพทย์ถึงผลดีผลเสียของการขลิบ

ผลดีที่คาดว่าจะได้รับจากการขลิบ

*การขลิบจะลดการติดเชื้อและการอักเสบของหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศซึ่งจะลดการเกิดมะเร็งที่อวัยวะเพศ
*การขลิบจะป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
*การขลิบจะลดการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะจะทำให้เกิดโรคไต
*การขลิบจะทำให้ทำความสะอาดปลายอวัยวะเพศได้ง่าย
*การขลิบตั้งแต่เด็กจะป้องกันการขลิบหนังหุ้มปลายในตอนแก่
ป้องกันการอักเสบของหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ

ข้อเสียของการขลิบ

*อาจจะทำให้เลือดออกหรือติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัด
*การขลิบจะทำให้เกิดอาการเจ็บปวด ผู้ปกครองควรจะปรึกษากับแพทย์เรื่องการใช้ยาระงับอาการเจ็บปวด
*การขลิบเป็นการป้องกัน แต่ยังไม่มีหลักประกันว่าหลังขลิบจะปลอดภัยจากการเป็นโรคติดเชื้อหรือมะเร็ง
*ตัดหนังหุ้มปลายมากหรือน้อยเกินไป
*การขลิบจะทำให้ปลายอวัยวะเพศถูกกระตุ้นอยู่ตลอดเวลา ทำให้ลดความต้องการทางเพศ

วิธีการขลิบ

*ในเด็กจะให้อดอาหารก่อนทำ แต่สำหรับผู้ใหญ่ไม่จำเป็นต้องอดอาหาร ผู้ป่วยนอนราบบนเตียง สำหรับเด็กต้องจับหรือมัดแขนขา
*ทำความสะอาดอวัยวะเพศและส่วนหัวเหน่าด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
*ฉีดยาชาที่บริเวณหัวเหน่า
*ตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ แล้วเย็บ ใช้ผ้าทำแผลปิดแผล
*ทำความสะอาดแผลทุกวัน

 


หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศซึ่งไม่สามารถเปิดได้อย่างเต็มที่ ทำให้ไม่สามารถทำความสะอาด



หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศที่มีการอักเสบ ผิวหนังส่วนปลายจะมีสีแดงและเจ็บ



หนังหุ้มปลายซึ่งถูกตัดออกเรียบร้อย



ข้อมูลเพิ่มเติม
การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย (Male circumcision) กับการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี
จริงอยู่ การขลิบสามารถป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีใน ?ผู้ชาย? ได้แต่ก็ไม่ใช่ 100% ฉะนั้นในการประชาสัมพันธ์ในวงกว้างจะต้องประชาสัมพันธ์ให้เห็นว่าการขลิบเป็น ?ทางเลือกหนึ่ง? ที่ทำให้ลดอัตราเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ แต่ต้องทำควบคู่ไปกับวิธีป้องกันอื่นๆ เช่น การใช้ถุงยางอนามัย การมีพฤติกรรมทางเพศที่ปลอดภัย การมีสุขอนามัยที่ดีในการดูแลอวัยวะเพศชาย
การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย ?คืออะไร??
คือ การตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายบางส่วนหรือทั้งหมดออกไปอย่างถาวร ตามประเพณีของบางศาสนาหรือเชื้อชาติจะตัดออกประมาณ 1-2 เซนติเมตร หรืออาจตัดออกประมาณ 4 เซนติเมตร หากทำโดยบุคลากรทางการแพทย์ ในทั่วโลก มีผู้ชายที่อายุมากกว่า 15 ปี ประมาณ 665 ล้านคนที่ขลิบอวัยวะเพศ (ประมาณ 30% ของผู้ชาย) ส่วนใหญ่เป็นผู้ชายมุสลิม ยิว และผู้ชายอเมริกัน

โดยทั่วไปแพทย์จะทำการขลิบเฉพาะเมื่อคนไข้มีความลำบากในการรูดเปิดหรือปิดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศแต่จริงๆ แล้วความเชื่อทางศาสนา รวมถึงลักษณะทางสังคมและวัฒนธรรม เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผู้ชายทั่วโลกส่วนใหญ่ได้รับการขลิบ
การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย จะช่วยป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีได้เพราะอะไร?

ผิวด้านในของหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย เป็นบริเวณที่มีจำนวนเซลล์รับเชื้อเอชไอวีอยู่ปริมาณมาก และเซลล์จะอยู่ในตำแหน่งที่ตื้นมาก นอกจากนี้ยังสามารถฉีกขาด ถลอก ทำให้ติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต่างๆ ได้ง่าย

การขลิบ จะเป็นการลดบริเวณผิวด้านในของหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายทำให้ลดพื้นที่รับเชื้อเอชไอวีลงได้

การขลิบ ทำให้ผิวหนังบริเวณปลายอวัยวะเพศซึ่งไม่โดนหุ้มไว้นั้น หนาตัวขึ้น และยังแห้งเร็วขึ้น หลังการมีเพศสัมพันธ์ ทำให้โอกาสเกิดแผลน้อย และติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์น้อยลง เชื้อโรคตายเร็วขึ้น

การขลิบ ยังอาจช่วยป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี จากการที่เยื่อบุบริเวณนั้นได้สัมผัสเชื้อปริมาณต่ำๆ อยู่เรื่อยๆ โดยไม่ได้ติดเชื้อแต่กลับกระตุ้นให้สร้างภูมิคุ้มกันต่อเอชไอวีขึ้นมา


การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายจะป้องกัน ?ใคร? จากการติดเชื้อเอชไอวี?

การขลิบจะสามารถป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีใน ?ผู้ชาย? ที่มีเพศสัมพันธ์โดยการสอดใส่อวัยวะเพศชายเข้าไปทาง ?ช่องคลอด? ผู้หญิง และเป็นการป้องกันเพียง ?บางส่วน? เท่านั้น (ไม่ใช่ 100%)

เรายังไม่ทราบว่าการที่ผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายที่ขลิบนั้น จะช่วยป้องกันผู้หญิงโดยตรงจากการติดเชื้อเอชไอวีได้หรือไม่ แต่หากผู้ชายที่ขลิบมีจำนวนเพิ่มขึ้น แล้วติดเชื้อเอชไอวีน้อยลง ก็ย่อมจะส่งผลทางอ้อมให้ผู้หญิงติดเชื้อน้อยลงได้ในอนาคต

เรายังไม่ทราบว่าการที่ผู้ชายหรือผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายที่ขลิบโดยเป็นฝ่ายรับทางทวารหนักจากผู้ชายที่ขลิบนั้น จะช่วยป้องกันผู้ชายหรือผู้หญิงเหล่านี้ไม่ให้ติดเชื้อเอชไอวีโดยตรงได้หรือไม่ เรายังไม่ทราบว่าการขลิบจะช่วยป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีในผู้ชายที่เป็นฝ่ายสอดใส่ทางทวารหนักได้หรือไม่

การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย จะป้องกันผู้ชายจากการติดเชื้อเอชไอวีได้เพียงใด?

ข้อมูลจากการศึกษาแบบ randomized controlled trials 3 การศึกษาพบว่า การขลิบให้ผลการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีได้ประมาณ 50-60%

หากมีการส่งเสริมการขลิบใน sub-Saharan Africa ได้สำเร็จ คาดว่าจะสามารถป้องกันการติดเชื้อรายใหม่ได้ 2 ล้านราย และป้องกันการตายได้ 3 แสนรายในช่วง 10 ปีข้างหน้า

ผลการป้องกันจะเห็นได้ชัดเจน ในประเทศที่มีความชุกของเอชไอวีสูงและมีอัตราการขลิบต่ำ โดยจะต้องเพิ่มอัตราการขลิบในผู้ชายขึ้นเป็น 50-80% หรือ ต้องส่งเสริมการขลิบในทารก เด็กเล็ก และเด็กก่อนวัยรุ่น ซึ่งอาจต้องใช้เวลาอีกกว่า 10-20 ปีจึงจะเห็นผลการติดเชื้อเอชไอวีลดลงได้ชัดเจน
การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย มีประโยชน์อะไรอีกนอกเหนือจากการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี?

ผู้ชายที่ขลิบจะลดความเสี่ยงของการเกิดซิฟิลิส และแผลริมอ่อน รวมถึงลดความเสี่ยงของมะเร็งองคชาติ และถ้าหากขลิบในเด็กทารก ก็จะลดโอกาสเกิดการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะในเด็กได้ด้วย

ผู้หญิงที่เป็นคู่ของผู้ชายที่ขลิบจะลดความเสี่ยงของการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (trichomonas, bacterial vaginosis, Chlamydia trachomatis) และลดอัตราเสี่ยงการเกิดมะเร็งปากมดลูก ซึ่งอาจเกิดจากการลดการถ่ายทอดเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV)

เมื่อไหร่ที่ควรทำการขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย?

การขลิบในเด็กทารกจะสามารถทำได้ง่ายกว่า และปลอดภัยกว่าการทำในผู้ใหญ่ อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรไปตัดสินใจแทนเด็ก ควรรอจนเด็กโตหรือเป็นผู้ใหญ่ก่อน เพราะบางคนอาจคิดว่าเด็กควรมีสิทธิที่จะตัดสินใจได้เองว่าจะขลิบหรือไม่

ใช้เวลานานเท่าไหร่ แผลการขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายถึงจะหายสนิท?

ผู้ชายที่ได้รับการขลิบ ควรจะต้องงดการมีกิจกรรมทางเพศอย่างน้อย 6 สัปดาห์หลังการขลิบ เพื่อให้แผลหายสนิท

การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?

ผลข้างเคียงโดยทั่วไปเกิดน้อยกว่า 4% และขึ้นอยู่กับสุขอนามัยและความชำนาญของผู้ทำการขลิบ โดยผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ คือ เลือดออกมาก ติดเชื้อ เจ็บมาก แพ้ยาชา และถ้าตัดหนังหุ้มปลายออกมากเกินไปอาจเกิดความเสียหายต่ออวัยวะเพศ ไม่สวยงาม รวมทั้งอาจเกิดผลข้างเคียงทางจิตใจและพฤติกรรม เป็นต้น

การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย จะทำให้ความรู้สึกทางเพศเปลี่ยนแปลงอย่างไร?

ผู้ชายที่ขลิบ และผู้หญิงที่เป็นคู่ของผู้ชายที่ขลิบ ให้คำตอบว่าความรู้สึกทางเพศมีทั้งดีขึ้นและแย่ลง

ผู้ชายที่ได้รับการขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายแล้ว จะยิ่งมีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศมากขึ้น เนื่องจากคิดว่าการขลิบช่วยป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อได้แล้วหรือไม่?

จากการศึกษาต่างๆ ซึ่งติดตามระยะสั้น ประมาณปีครึ่งถึงสองปี ไม่พบว่าผู้ชายที่ขลิบมีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศมากขึ้น แต่ยังไม่มีข้อมูลระยะยาว รวมถึงข้อมูลในชีวิตจริงนอกการศึกษาว่าจะเป็นอย่างไร

การส่งเสริมการขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย สามารถมาทดแทนวิธีการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีอื่นๆ ได้เลยหรือไม่?

จริงอยู่ การขลิบสามารถป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีใน ?ผู้ชาย? ได้แต่ก็ไม่ใช่ 100% ฉะนั้นในการประชาสัมพันธ์ในวงกว้างจะต้องประชาสัมพันธ์ให้เห็นว่าการขลิบเป็น ?ทางเลือกหนึ่ง? ที่ทำให้ลดอัตราเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ แต่ต้องทำควบคู่ไปกับวิธีป้องกันอื่นๆ เช่น การใช้ถุงยางอนามัย การมีพฤติกรรมทางเพศที่ปลอดภัย การมีสุขอนามัยที่ดีในการดูแลอวัยวะเพศชาย

ที่สำคัญ ต้องไม่ให้ผู้ชายเอาการขลิบมาอ้างเป็นเหตุผลที่จะไม่ใช้ถุงยางอนามัย เพราะจะยิ่งทำให้เกิดผลเสียต่อผู้หญิงที่มีอำนาจต่อรองการใช้ถุงยางอนามัยน้อยอยู่แล้ว

ข้อมูลการยอมรับการขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายเป็นอย่างไรบ้าง?

จากการศึกษาในแอฟริกา พบว่าผู้ชายประมาณ 65% เต็มใจที่จะให้ขลิบ ขณะที่ผู้หญิงประมาณ 69% เต็มใจที่จะให้คู่ของตัวเองขลิบ และประมาณ 81% ของทั้งผู้ชายและผู้หญิง เต็มใจที่จะให้ลูกชายของตัวเองขลิบ

อุปสรรคสำคัญที่จะทำให้ไม่ยอมรับการขลิบ คือ ค่าใช้จ่าย การกลัวเจ็บ และการห่วงเรื่องความปลอดภัย ส่วนสิ่งสำคัญที่จะทำให้เกิดการยอมรับการขลิบ ก็คือ การทราบถึงประโยชน์ทางด้านสุขภาพที่จะเกิดขึ้น และสุขอนามัยทางเพศที่ดีขึ้น รวมถึงการเก็บรักษาความลับที่ดีของสถานพยาบาล

การดูแลรักแร้ให้ขาวเนียน ไร้กลิ่น

รักแร้เป็นผิวหนังที่บอบบาง ประกอบด้วยต่อมเหงื่อและรูขุมขนจำนวนมาก ซึ่งต่อมเหงื่อของคนเรามี 2 ประเภท คือ

ต่อม Eccrine ที่มีอยู่ทั่วร่างกายทำหน้าที่ผลิตเหงื่อ ลดอุณหภูมิของร่างกาย
และต่อม Apocrine ซึ่งพบในพื้นที่เฉพาะเช่นรักแร้ ราวนม(ในบางคน) บริเวณอวัยวะเพศ และขาหนีบ
เมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่น (อายุ11-12 ปี) ต่อม Apocrine จะสร้างสารเคมีที่มีกลิ่นเฉพาะตัวเรียกว่า "กลิ่นตัวหรือกลิ่นกาย" บอกถึงความเป็นหนุ่มสาว เป็นเสน่ห์ แต่ละคนมีต่อม Apocrine ไม่เท่ากัน หากมีมากเหงื่อบริเวณรักแร้จะมากตามไปด้วย ประกอบกับว่าบริเวณนี้มีเชื้อแบคทีเรียอาศัยอยู่ กลิ่นกายจึงอาจเปลี่ยนเป็นกลิ่นตัวได้ค่ะ



โดยทั่วไปแล้วเราสามารถแก้ปัญหากลิ่นตัวได้ง่ายๆ โดยกำจัดเชื้อแบคทีเรียให้มากที่สุด เช่น อาบน้ำบ่อยๆ ชำระล้างเหงื่อออก ใช้สบู่ฆ่าเชื้อทำความสะอาด ใช้ยาระงับกลิ่นกาย ขจัดขนรักแร้ออกให้หมดเพื่อลดการสะสมของเหงื่อ และกำจัดที่อยู่ของเชื้อแบคทีเรีย
แต่ในคนที่มีปัญหามาก อาจต้องขอคำแนะนำจากแพทย์ผิวหนังเพื่อใช้ยาปฏิชีวนะแบบครีม ทาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เช่น นีโอมัยซิน หรือ เจนต้ามัยซินครีม และถึงแม้ว่ายาทั้งสองแบบจะมีขายตามร้านขายทั่วไป แต่ก็ไม่ควรซื้อมาใช้เองเพราะอาจเกิดอาการแพ้ยาได้ นอกจากนี้ยังมีการฉีดโบท็อกที่รักแร้ เพื่อลดเหงื่อให้น้อยลงและแห้งสนิทภายใน 7 วัน โดยการฉีด 1 ครั้ง สามารถลดเหงื่อได้ 4-6 เดือน เมื่อยาหมดฤทธิ์เหงื่อจะไหลอีก ซึ่งต้องอาศัยการฉีดซ้ำ ค่ารักษาประมาณครั้งละ 10,000 - 12,000 บาท

โรลออนกับสารก่อมะเร็ง
แม้จะเคยมีข่าวว่าสารอลูมิเนียมในโรลออนอาจทำให้ผู้หญิงเป็นมะเร็งเต้านม แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่าเป็นจริง และโดยปกติสารอลูมิเนียมไม่สามารถซึมเข้าร่างกายได้เหมือนสารปรอทและตะกั่ว จึงไม่น่าทำอันตรายต่อร่างกายได้ ยกเว้นผู้มีอาการแพ้สารอลูมิเนียมในบางคนที่อาจเกิดรอยดำหรืออักเสบ ควรแก้ไขด้วยการเปลี่ยนโรลออนที่ใช้สารอื่นแทน

สารส้ม (Alum) หรือเกลือเชิงซ้อน ที่มีสารอลูมิเนียมและซัลเฟตเป็นส่วนประกอบหลัก เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจค่ะ คนไทยโบราณรู้จักใช้มานานแล้ว สารส้มไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่เปื้อนเสื้อผ้า และปลอดภัยกับร่างกายเพราะไม่อุดตันรูขุมขน ใช้ได้กับทุกส่วนของร่างกาย ทั้งใต้วงแขน เท้า ช่วยระงับกลิ่นได้ดี

และด้วยคุณสมบัติความเป็นด่างในตัว เมื่อมาเจอกับความเป็นกรดของเหงื่อจึงหักล้างกันทำให้กลิ่นตัวหมดไป และสารส้มยังสามารถใช้ทาส้นเท้าป้องกันและรักษาส้นเท้าแตก หรือทาแก้คันตามผิวหนังเมื่อยุงกัดหรือคันจากสาเหตุอื่นได้อีกด้วย

ปัจจุบันมีผู้นำสารส้มมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นทั้งรูปแบบของโรลออน สเปรย์ แป้ง กันหลายยี่ห้อ ได้รับความนิยมมากในต่างประเทศเพราะปลอดภัยและไม่มีผลข้างเคียงใดๆ

ส่วนปัญหารักแร้ดำ ทำไงดี
ตามปกติแล้วผิวใต้วงแขนจะมีสีคล้ำกว่าผิวส่วนอื่นๆ เล็กน้อยเพราะเป็นส่วนที่ผิวย่นมารวมกันเหมือนคอ หรือบริเวณขาหนีบ แต่หากผิวส่วนนี้ดำคล้ำกว่าสีผิวส่วนอื่นอาจเป็นไปได้ว่าเกิดความผิดปกติขึ้น ควรพิจารณาหาสาเหตุและรักษาอย่างเร่งด่วน

ปัญหารักแร้ดำเกิดได้จากหลายสาเหตุ ที่สำคัญคือ การสัมผัสสารเคมีอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดการระคายเคืองและรอยดำ จากน้ำหอม สารกันเสีย หรือยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เช่น Triclosan, Triclocarban, Irgosan ในยาระงับกลิ่นกาย การรักษาจึงต้องแก้ไขตามอาการ หากเป็นการแพ้น้ำหอม ควรเปลี่ยนไปใช้โรลออนชนิดที่ไม่มีสารสร้างกลิ่นหอมที่ระบุว่า "Fragrance-Free" โดยสังเกตส่วนประกอบสำคัญบนฉลาก หากมีชื่อสารที่แพ้ควรหลีกเลี่ยงไปใช้ยาระงับกลิ่นแบบอื่นแทน

ความอ้วนและการเสียดสีก็เป็นอีกสาเหตุของรักแร้ดำได้ การแก้ไขจึงควรลดน้ำหนักและใช้ยาลดรอยดำ หรือไวท์เทนนิ่งทาควบคู่กัน แต่ไม่ควรใช้กลุ่มที่มีกรดผลไม้ ไม่ว่า AHA หรือ BHA เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองยิ่งขึ้น แต่ถ้ารักแร้ดำและนูนเหมือนกำมะหยี่ (มักพบในคนเป็นโรคเบาหวาน) ควรพบแพทย์ทันทีค่ะ

อย่างไรก็ตามการรักษาปัญหารักแร้ดำควรให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเป็นผู้วิเครา ะห์สาเหตุเพื่อให้ได้ผลตรงกับอาการและรักษาได้ถูกวิธีที่สุด เพราะหากซื้อยามาใช้เองอาจทำให้ปัญหาลุกลามมากขึ้น

ทำไมจึงเป็นหนังไก่
ปัญหาหนังไก่บริเวณรักแร้เกิดจาก 2 สาเหตุ คือ การถอนขนรักแร้และขนคุด
รักแร้เป็นส่วนที่มีเส้นขนปกคลุมเพื่อลดการเสียดสีของผิวหนังใต้วงแขน แต่การกำจัดขนด้วยการถอนอย่างรุนแรงหรือการแว็กซ์บ่อยครั้งจะทำให้รูขุมขนเด่นชัดขึ้ น ดูคล้ายหนังไก่ ทั้งยังจำกัดทางขึ้นของขนเส้นใหม่ กลายเป็นขนคุดอยู่ภายใน มองเห็นเป็นหนังไก่ได้เช่นกัน
การรักษาหนังไก่จึงควรเปลี่ยนวิธีการกำจัดขน อย่าถอนขนรุนแรง เมื่อผ่านไปสักระยะรูขุมขนจะยุบตัวลงเช่นเดิม ปัญหาหนังไก่ก็จะหมดไปค่ะ


นานาวิธีกำจัดขน
การกำจัดขนรักแร้เดี๋ยวนี้ทำได้ไม่ยุ่งยากและมีหลายวิธีได้แก่
เป็นวิธีที่ง่าย เร็ว สะดวก แต่ขนที่ขึ้นใหม่แข็งและหยาบขึ้น เพราะขนที่ขึ้นใหม่ปลายจะตรง ปัญหาของการโกนคือ ขนที่ขึ้นใหม่จะเป็นตอ หากขูดผิวมากๆ อาจเกิดการอักเสบ ติดเชื้อ และต้องทำบ่อย

การถอน เป็นวิธีที่สะดวก ทำให้ขนถูกถอนออกมาทั้งเส้นแต่ปัญหาคือยุ่งยากเสียเวลาและอาจทำให้เกิดปัญหาขนคุดและ หนังไก่ได้

การใช้ครีมกำจัดขน อาจทำโดยแว็กซ์ขี้ผึ้งร้อน หรือเย็นแปะผ้าลงไปแล้วดึงย้อนขึ้น ไม่ยุ่งเกี่ยวกับรูขุมขน การแว็กซ์มีข้อดีคือทิ้งช่วงได้นานถึง 6 สัปดาห์ เพราะขนขึ้นช้าทำให้ไม่ต้องทำบ่อยๆ และขนใหม่อ่อนนุ่มขึ้น แต่มีข้อเสียคือ หากกระตุกแรงอาจมีรากขนขาดเกิดเป็นขนคุดอยู่ข้างใน หรืออาจเกิดการระคายเคืองในบางคน

การทำลายขนกึ่งถาวร เป็นการถอนขนด้วยเลเซอร์ เช่น ชนิดเอ็น ดี แยค (Nd: YAG Laser) หรือใช้แสงทำลายตำแหน่งสร้างขนโดยตรงที่เรียกว่า "Aestilight" การใช้แสงเลเซอร์กำจัดขนต้องเลือกใช้เครื่องที่มีความยาวคลื่นเหมาะกับการกำจัดขน เช่น 1064 นาโนเมตร ซึ่งเป็นระดับที่ใช้กำจัดขนได้ดีมีผลข้างเคียงน้อย ทำได้ดีในคนผิวสีเพราะไม่ทิ้งรอยดำ แต่หากเป็นคลื่นที่สั้นหรือยาวเกินไปอาจทิ้งรอยดำได้ การกำจัดขนรักแร้ด้วยเลเซอร์ต้องทำ 4ครั้งขึ้นไป ค่าใช้จ่ายประมาณ 15,000-18,000 บาท โดยผลการรักษาจะอยู่ที่ประมาณ 6 ปี

ผู้ติดตาม