xanga tracking
herbs-in-manman
manman clip
herbs-in-manman  flowermanman
manman.flixya
 hellomanman
 happy-topay
 invite-buying
 men-women-apparel

sex shop
diarylovemanman
 homemanman
 menmen-love
alovemanman
news-the-world
 foodmanman
 ghost-in-manman
 U.F.O.manman
herbs-in-manman
 manman

Friends talk contact man love
manes2006@ovi.com

Recommended.

คลังบทความน่ารู้ของบล็อก

วันพฤหัสบดีที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2553

กำจัดขน ระวังสารเคมีใน ครีมกำจัดขน

กำจัดขน ระวังสารเคมีใน ครีมกำจัดขน

กำจัดขน โดย: รัสมี ภู

(ภาพประกอบ)



หนุ่มสาวคนไหน ชอบพึ่งเคมีกำจัดขนพึงระวังไว้ให้ดี

เรื่องสวย ๆ งาม ๆ ก็เป็นเรื่องไม่เข้าใครออกใคร ยิ่งกับเด็กที่กำลังก้าวสู่วัยเป็นหนุ่มสาวรุ่น ๆ ด้วยละก็...ทุกอย่างต้องเนี้ยบเรียบกริบ ผมสักเส้นยังไม่อยากให้กระดิก อย่าว่าแต่ไรขนอ่อน ๆ ที่จะขึ้นมาแผ้วพาน ทั้งรักแร้ หน้าแข้ง ขนแขน ไรหนวด รู้สึกมันเป็นส่วนเกินไปเสียทั้งนั้น

แล้วก็เจ้าอารมณ์อย่างนี้ละค่ะ ทำให้เกิดอาการกระหายใคร่หาวิธีกำจัดขนอันไม่พึงประสงค์ขึ้นมา ว่ากันไปเรื่อย ตั้งแต่การใช้วิธีธรรมชาติอย่างการถอนและโกน ไปจนถึงพึ่งพาสารเคมีอย่างครีมกำจัดขน

ก็มันแสนจะสะดวก ง่าย ผิวหนังเรียบ และขนก็หายไปได้ราวปลิดทิ้ง

การจะใช้วิธีสบาย ๆ อย่างนี้จึงต้องอาศัยการ รู้ไว้ใช่ว่า อยู่บ้าง...เพื่อดูแลรักษาผิวให้ยังคงอยู่อย่างปกติสุข ซึ่งในเรื่องนี้ น.พ.ประวิตร พิศาลบุตร อาจารย์พิเศษภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโรคผิวหนัง ได้ให้ข้อแนะนำเกี่ยวกับเรื่องครีมกำจัดขนเอาไว้ว่า

"ครีมกำจัดขน (chemical depilatorie) ที่วางขายอยู่ในท้องตลาดขณะนี้ จะมีทั้งในรูปครีม ออยน์เม้นท์ เจล โฟม และโรลออล ซึ่งครีมที่ใช้ได้ผลส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยสารเคมีจำพวกซัลไฟลด์ (sulfide) ซึ่งจะออกฤทธิ์รวดเร็วและได้ผลดี แต่เวลาใช้ครีมตัวนี้จะทำให้เกิดก๊าซไข่เน่าที่ส่งกลิ่นเหม็น และทำให้ผิวระคายเคือง"

"นอกจากนี้ ยังมีสารไทโอไกลโคเลท (thioglycolate) ซึ่งถือเป็นตัวผสมหลักในครีมกำจัดขนที่ใช้กันอยู่ทั่วไป สำหรับสารตัวนี้จะไม่ค่อยก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง และไม่ส่งกลิ่นเหม็น แต่การที่ขนจะหลุดออกมา ต้องใช้เวลานานกว่าครีมที่มีส่วนผสมของซัลไฟด์"

"ความจริงการใช้ครีมกำจัดขนไม่มีความจำเป็นเลย เพราะขนเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ถ้าเด็กอยากใช้จริง ๆ ก็ควรรอให้อายุเกิน 15 ปีไปแล้ว และควรอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ปกครอง อย่าเลือกใช้เองตามลำพังเพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้

ก่อนใช้ควรอ่านฉลากยาและวิธีใช้ให้เข้าใจถ่องแท้เสียก่อน เพราะครีมไม่ได้ออกฤทธิ์ที่เส้นขนอย่างเดียว แต่ยังออกฤทธิ์ที่ผิวหนังส่วนนอก จึงอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ และระดับความรุนแรงของอาการจะขึ้นอยู่กับชนิดของผลิตภัณฑ์ที่ใช้ คือถ้ามีพวกซัลไฟลด์เป็นส่วนผสมก็จะทำให้เกิดการระคายเคืองง่าย"

ข้อ แนะนำสำหรับคนรักสวยรักงามที่ยังสมัครใจจะใช้ครีมกำจัดขน

อ่านฉลากยาให้เข้าใจวิธีการใช้อย่างชัดเจน เพราะคำแนะนำของครีมแต่ละยี่ห้อจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับชนิดและความเข้มข้นของสารเคมีที่ใช้

ควรทำความสะอาดผิว และรอจนผิวแห้งสนิทก่อนใช้ครีมกำจัดขน

อย่าทาครีมทิ้งไว้เกินกำหนดเวลาที่บอกในคู่มือการใช้ หลังจากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำอุ่น

อย่าใช้ครีมกำจัดขนที่ขามาใช้กับใบหน้าและผิวหนังส่วนที่บอบบาง

ห้ามใช้ครีมกำจัดขนขณะที่ผิวหนังกำลังอักเสบหรือเป็นโรคอยู่

เมื่อใช้ครีมครั้งแรกควรทาครีมในตำแหน่งเล็กๆ ก่อน เพื่อทดสอบอาการแพ้

ป้องกันบริเวณข้างเคียงที่ไม่ต้องการโดนครีมโดยการทางขี้ผึ้งขาว (petrolatum jelly)

และความไม่รู้ให้ถี่ถ้วนอาจนำเหตุไม่พึงประสงค์มาให้ได้เสมอค่ะ คุณหมอจึงบอกว่า ถ้าใช้ครีมกำจัดขนแล้วเกิดมีอาการระคายเคืองขึ้นมาล่ะก็...

"อาจแก้ได้โดยการทาครีม สเตียรอยด์อย่างอ่อน หรือครีมว่านหางจระเข้ แต่ถ้าเป็นมากควรปรึกษาแพทย์"

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.momypedia.com/
ที่มาจาก http://health.kapook.com/view15740.html

อยู่ก่อนแต่ง-แต่งก่อนอยู่

“อยู่ก่อนแต่ง-แต่งก่อนอยู่” ...ใครเสี่ยง ‘ม่าย’ สูงกว่ากัน?

(ภาพประกอบ)


การ ที่คนสองคนตัดสินใจอยู่กินกันฉันสามีภรรยาก่อนแต่งงานใช่ว่าจะดีเสมอไป เมื่อนักวิจัยเผย ‘อยู่ก่อนแต่ง’เสี่ยงหย่าร้างสูงกว่าคนที่เลือก ‘แต่งก่อนอยู่’

นับว่าค่านิยมของหนุ่มสาวยุคนี้สำหรับการอยู่ก่อนแต่งอาจกลายเป็น เรื่องธรรมดาของหลายๆคู่เพราะมีจำนวนมากมายในสังคม ไม่ว่าจะเป็นสังคมเมืองนอกหรือบ้านเราเองต่างเลือกที่จะลองใช้ชีวิตคู่ก่อน แต่งงาน

ทั้งนี้ได้มีผลการศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมของคู่รักจำนวนหนึ่ง และพบว่าคนที่อยู่ก่อนแต่งนั้นมีโอกาสประสบปัญหาหย่าร้างมากกว่าคนที่แต่ง งานก่อนแล้วค่อยใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน ซึ่งคนที่ยังคิดที่จะแต่งก่อนอยู่ในสมัยนี้มีเพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

จากการสำรวจได้เห็นปัญหาที่กลาย เป็นประเด็นสำคัญของคนที่อยู่ก่อนแต่งส่วนใหญ่ว่า 1ใน5 ของคนที่ตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกันโดยที่ยังไม่ได้แต่งงานกันนั้น มักจะเจออุปสรรคมากมายและหย่าร้างกันแล้ว ซึ่งหากเทียบเป็นอัตราส่วนพบว่า จากกลุ่มคนที่อยู่ก่อนแต่งที่ทางทีมงานสำรวจมานั้น มีเพียง 12 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่มีชีวิตหลังแต่งงานอย่างที่หวังไว้และยังรักกันเหมือ นดิม

ส่วนสาเหตุที่นำไปสู่การหย่าร้างของคู่รักหลายคู่ที่ตัดสินใจอยู่ ก่อนแต่ง และมีอันต้องเลิกลากันไปหลังจากที่ตัดสินใจแต่งงานกันนั้น นักวิจัยกล่าวว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่า ในช่วงที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันฉันสามี-ภรรยานั้น ทั้งคู่อาจตัดสินใจแต่งงานกันเพราะอยู่ด้วยกันเลย สถานการณ์มันพาไปให้ทั้งคู่ต้องเลยตามเลย

“อีกประการหนึ่งเป็น เพราะทนแรงกดดันจากคนในครอบครัวไม่ไหว เพราะพวกเขาต้องการให้ทั้งคู่ทำถูกต้องตามประเพณี หรือไม่ก็ทั้งคู่ต้องการแต่งงานกันเพียงเพราะเชื่อว่าการแต่งงานจะสามารถผูก มัดคนที่เรารักไว้ จะได้ไม่ไปมีคนอื่น ซึ่งความคิดเหล่านี้เป็นความคิดที่ทำให้หลายคนตัดสินใจผิดในเรื่องของการ แต่งงาน”

อย่าไรก็ดี จากการศึกษาคู่รักในประเทศอังกฤษพบว่า ชาวอังกฤษจำนวนมากกว่า3 ใน 4 เลือกที่จะอยู่ก่อนแต่ง ซึ่ง มีคู่รักถึง 1 ใน 4 จะรอให้มีลูกก่อนสัก 1 คน แล้วค่อยแต่งงาน

ขณะที่ทางด้านคู่รักชาวอเมริกันพบว่า คู่แต่งงานที่เคยตัดสินใจอยู่ก่อนแต่งนั้น ต้องกลายเป็นหม้ายจำนวนมาก ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มาจาก สามี-ภรรยาหลายคู่ไม่มีความอดทนในการครองเรือนมากพอ จึงเลือกการหย่าร้างเป็นทางออก
เด็ก,ทะเลาะ
ดร.กาเลนา เราห์เดส นักจิตวิทยา กล่าวว่า ปัจจัยส่วนหนึ่งที่ทำให้คนที่อยู่ด้วยกันก่อนแต่ง ตัดสินใจแต่งงานกันเป็นเพราะความสัมพันธ์ที่เลยตามเลย โดยที่ไม่ได้คิดถึงอนาคตในวันข้างหน้า

“จากการศึกษาในครั้งนี้ทำให้เรา รู้ว่า คู่รักส่วนใหญ่ที่ตัดสินใจอยู่ก่อนแต่งนั้น แม้จะแต่งงานกัน แต่พวกเขากลับไม่ได้คิดที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันจริงๆ พวกเขาแต่งงานกันเพียงเพราะการอยู่ด้วยกัน ทำให้ความรับผิดชอบและสถานการณ์ต่างๆมันพาไปเท่านั้น”

ส่วนทางด้านศาสตราจารย์สก๊อต แสตนลีย์ ผู้ประสานงานศูนย์การศึกษาสถานภาพการสมรสและครอบครัว ของยูนิเวอร์รีเลชั่นชิพซิตี้ เมืองเดนเวอร์ เผยว่า คนที่หมั้นกันแล้ว แต่ยังไม่ได้แต่งงานกัน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะพวกเขายังไม่มั่นใจในชีวิตหลังแต่งงานของเขา

อย่าไรก็ตาม ในการศึกษาเกี่ยวกับคู่สมรสที่อยู่ก่อนแต่งนี้ได้ทำการสำรวจคู่รักอายุ ตั้งแต่ 18-34 ปี ที่เพิ่งแต่งงานกันไปจนถึงคนที่แต่งงานกันร่วม10ปี โดยสอบถามพวกเขาเกี่ยวกับความพึงพอใจในชีวิตคู่หลังแต่งงาน ปัญหาที่พบเจอ รวมไปถึงเรื่องบนเตียงด้วย

“คู่รักส่วนใหญ่ไม่ได้ ตั้งใจที่ตัดสินใจจะอยู่ด้วยกันไปตลอด เพราะ 2ใน3 คนกลุ่มนี้ยอมรับว่า การแต่งงานเป็นสิ่งที่ไม่ได้คิดไว้เลย มันเป็นสถานการณ์ที่เลยตามเลยจริงๆ เพราะเราอยู่ด้วยกันอย่างสามี-ภรรยาอยู่แล้ว ขณะที่มีเพียง 1ใน3 เท่านั้นที่ตั้งใจที่จะแต่งงานและสร้างครอบครัวด้วยกันอย่างจริง จัง”ศาสตราจารย์แสตนลีย์กล่าว

ทั้งนี้ หากเอ่ยถึงหลักศาสนาส่วนใหญ่แล้ว เป็นที่ทราบดีว่า ทุกศาสนาไม่สนับสนุนในในการอยู่ก่อนแต่ง ซึ่ง 49 เปอร์เซ็นต์ของคู่รักที่แต่งงานแล้ว และอีก 39 เปอร์เซ็นต์สำหรับคนที่อยู่ด้วยกันแต่ยังไม่ได้แต่งงาน มีความเห็นตรงกันและยอมรับว่า ศาสนาไม่เคยสนับสนุนให้คนเราอยู่ก่อนแต่งเพราะมันเรื่องที่ไม่สมควรอย่าง ยิ่ง

“การอยู่ก่อนแต่งอาจกลายเป็นภาระผูกพันที่ทำให้ ใครหลายคนต้องแต่งงานกันแต่ไม่สามารถครองรักกันไปตลอดรอดฝั่งได้ ซึ่งเราอาจสรุปว่า สาเหตุที่ทำให้หลายคนต้องตกอยู่ในสภาพเลยตามเลยนั้น เป็นเพราะว่าการที่คนเราตัดสินใจอยู่กินกันกับใครสักคนหนึ่ง มันเป็นเรื่องยากที่จะเลิกคบกันง่ายๆ เพราะสถานภาพ ณ ตอนนั้น พวกเขาไม่ได้เป็นแค่ “แฟน”กันเท่านั้นนั่นเอง” ศาสตราจารย์แสตน ลีย์กล่าวทิ้งท้าย

เรียบเรียงจากเดลิเมล์

วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ลีลารักเมื่อแรกรัก


เมื่อตัดสินใจมีเซ็กส์ก็ควรเป็นช่วงเวลาที่พิเศษและลึกซึ้ง คนที่เพิ่งคบหาดูใจกันจึงควรคิดไตร่ตรองให้ดีก่อนตัดสินใจ

เคยคิดไหมคะว่าเราขึ้นรถเมล์คันเดียวกันกับคนอีกกี่สิบคน กินข้าวในร้านหรือดูหนังในโรงหนังกับคนกี่สิบชีวิต สารพัดสถานที่และช่วงเวลาที่เราร่วมแชร์กับคนอื่นๆจำนวนมากในคราวเดียวกัน และเคยถามตัวเองไหมว่าเรามีคู่นอนมาแล้วกี่คน

ความเป็นจริงคือ จำนวนคนที่เรามีเซ็กส์ด้วยนั้นน้อยมากถ้าเทียบกับกิจกรรมต่างๆที่เราร่วมทำ กับคนอื่น ดังนั้น เพราะเซ็กส์ครั้งแรกของสองเราอาจมีผลกับความสัมพันธ์ต่อไปในอนาคต

เมื่อไร
จริงๆ แล้วการจะมีหรือไม่มีเซ็กส์กับใครสักคนเป็นเรื่องที่ต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง แต่สิ่งที่พอจะแนะนำได้ก็คือถ้าคิดจะมีเซ็กส์ก็ต้องมีความรับผิดชอบและมี ความเป็นผู้ใหญ่มากพอ หาความรู้ว่าร่างกายของผู้ชายและผู้หญิงทำงานอย่างไร และเรียนรู้วิธีป้องกันตัวเองจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการตั้งครรภ์ที่ ไม่ต้องการ สิ่งสำคัญอีกอย่างคืออย่าลืมพิจารณาแรงจูงใจในการมีเซ็กส์ว่าอยากมีเองจริงๆ หรือเพราะถูกพูดจาหว่านล้อมให้มี ทั้งที่ใจยังไม่ไปเต็มร้อย นี่ละเขาถึงเตือนกันว่าอย่าเพิ่งรีบร้อนมีเซ็กส์ถ้าเพิ่งคบหากัน ควรใช้เวลาพิจารณาดูให้แน่ใจเสียก่อน

กับใคร
เรื่อง นี้สำหรับผู้หญิงจะซับซ้อนสักหน่อย เพราะถ้าคิดมีความสัมพันธ์ระยะยาว ผู้หญิงที่มีสมองจะรู้ว่าไม่ควรยอมมีอะไรกับผู้ชายง่ายๆ เพราะจะทำให้คุณค่าในตัวเองลดต่ำลงไป แถมยังไม่ได้ทำให้ผู้ชายรักมากขึ้น และถ้าผู้ชายคนนั้นแสดงทีท่ากดดันให้มีเซ็กส์ละก็ ยิ่งไม่ควรยอมเสี่ยงโดยเด็ดขาด ผู้หญิงไม่เหมือนผู้ชายตรงที่มีเซ็กส์เพราะแค่เรื่องทางกาย แต่ผู้หญิงจะมองในแง่จิตใจและความรู้สึกมากกว่า ดังนั้นถ้าคิดจะมีเซ็กส์กับใครก็ต้องซื่อสัตย์กับตัวเอง พิจารณาความเสี่ยง และผลพ่วงต่อไปในวันข้างหน้า มองตามความจริงอย่าใช้อารมณ์เพ้อฝันมาตัดสิน แต่ถ้าคิดแล้วว่าต้องการแค่เซ็กส์ ไม่คิดผูกมัดละก็...ลุยตามสบายค่ะ

ที่ไหน
ถ้า เป็นเซ็กส์ครั้งแรกในชีวิตก็ควรต้องพิเศษนิดนึง ควรมีความเป็นส่วนตัว สบายๆผ่อนคลาย และเพลิดเพลิน การมีเซ็กส์แบบรีบเร่งบนเบาะหลังรถไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงชอบเลย ผู้หญิงต้องใช้เวลาอุ่นเครื่องนานกว่าผู้ชาย ดังนั้นการที่ต้องตื่นเต้นกับการกลัวใครบังเอิญมาพบเห็น จึงเป็นตัวการฆ่าอารมณ์เซ็กส์ของผู้หญิงจนหมดเกลี้ยง ยิ่งไปกว่านั้นผู้หญิงจะดูว่าผู้ชายเลือกสถานที่แบบไหนในการมีเซ็กส์ แล้วเอามาเป็นตัวชี้ว่าผู้ชายเห็นเธอมีค่ามากแค่ไหนในสายตาของเขา เพราะฉะนั้นควรเลือกสถานที่อย่างพิถีพิถันสักนิด เพื่อความสัมพันธ์ที่ยืนนาน

อย่างไร
เพราะ ว่าเซ็กส์คือกิจกรรมที่ลึกซึ้งและใกล้ชิดกันอย่างแนบแน่น ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดถ้าต่างผลัดกันเป็นผู้ให้และผู้รับ ประสบการณ์เซ็กส์ที่ได้จะประทับใจสุดซึ้ง และจะรู้สึกว่าทั้งคู่มีความเท่าเทียมกัน เป้าหมายของเซ็กส์ไม่ใช่ จุดสุดยอด แต่เป็นการเป็นผู้ให้และผู้รับและการมีความสุขร่วมกันต่างหากที่สำคัญ

ซื่อสัตย์กับตัวเอง
ก่อนที่จะตัดสินใจมีเซ็กส์กับใคร ลองถามตัวเองก่อนสิว่า
1.เรารู้จักกับคนคนนี้นานแค่ไหนแล้ว เขาเป็นคนพิเศษสำหรับเราแน่แล้วหรือ
2.แล้วเราเป็นคนพิเศษสำหรับเขาหรือเปล่า มีอะไรบ่งบอกว่าเราใช่นอกเหนือจากคำว่า ไอเลิฟยู
3.อะไรคือแรงจูงใจให้เขาอยากมีเซ็กส์กับเรา แล้วเรามีแรงจูงใจอะไร หวังอะไรจากเซ็กส์ครั้งนี้
4.อยากจะจดจำสถานที่และช่วงเวลานี้ว่าเป็นครั้งแรกของสองเราหรือไม่
5. กล้าเสี่ยงติดโรคหรือท้องไหมถ้าไม่ได้ป้องกัน มีอุปกรณ์ป้องกันเตรียมไว้หรือยัง ถ้ามีอะไรกันแล้วความสัมพันธ์จะเปลี่ยนไปไหมในอนาคต
6.คิดดีแน่แล้วหรือ ตอนตัดสินใจเมา หดหู่ หรือประชดชีวิตหรือเปล่า มีปัจจัยอื่นมามีอิทธิพลกับการตัดสินใจหรือไม่


เซ็กส์เป็นหนึ่งใน กิจกรรมสำคัญที่สุดที่เราร่วมแชร์กับใครคนหนึ่ง เซ็กส์เป็นเรื่องธรรมชาติ เหมือนการกิน ดื่ม นอนหลับ การมีเซ็กส์กับคนที่ใช่ ณ เวลาที่ใช่จึงเป็นเรื่องที่แฮปปี้มากๆ ดังนั้นควรใช้ทั้งสมองและหัวใจในการตัดสินใจมีเซ็กส์กับใครสักคน เพราะถ้าคิดที่จะทำแล้วก็ควรสนุกและมีความสุขกับมันค่ะ

4 ขั้นตอน เร้าอารมณ์หญิง



ขั้นที่ 1 อุ่นเครื่องอย่างเชื่องช้า
ก็เหมือนผู้ชายนั่นแหละ การตอบสนองทางเพศเริ่มที่สมอง สมองจะส่งข้อความผ่านเส้นประสาทลงไปตามแนวกระดูกสันหลัง ก่อให้เกิดปฏิกิริยาสยิวกิ้วไปทั่วร่าง เช่น หัวนมแข็งเป็นไต ผิวหนังไวต่อความรู้สึกและจังหวะหายใจกระชั้นถี่ เลือดค่อยๆ ไหลไปที่น้องหนูช้าๆ ทำให้คลิตอริสและแคมขยายตัวใหญ่ขึ้น น้องหนูเริ่มผลิตน้ำหล่อลื่นตามธรรมชาติ
สิ่งที่ผู้ชายควรทำ : ยิ่งเขาเล่นบทโอ้โลมที่ไม่วนเวียนอยู่กับน้องหนู มากเท่าไร ก็ยิ่งดีเท่านั้น จูบซาบซึ้งดูดดื่มเป็นการกระตุ้นอารมณ์ที่ได้ผล ยิ่งใช้เวลาอุ่นเครื่องนานเท่าไร ความรู้สึกตื่นเต้นเร้าใจก็ยิ่งทวีมากขึ้น

ขั้นที่ 2 เร้าอารมณ์สาสมใจ
ในขั้นตอนนี้น้องหนูจะมีสีคล้ำขึ้น และความรู้สึกซาบซ่านวิ่งพล่านทั่วเรือนร่าง อุณหภูมิร้อนฉ่า ผิวหนังเป็นสีชมพูระเรื่อและกล้ามเนื้อตึงเขม็ง คลิตอริสแข็งตัวและภายในน้องหนูขยายตัว เพื่อเตรียมรับเจ้าหนูที่จะล่วงล้ำเข้ามา และก่อนถึงจุดสุดยอด คลิตอริสอาจหดเข้าไปในหนังหุ้ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่กำลังถูกล่วงล้ำ เพื่อป้องกันตัวเองจากการเสียดสีและกระทบกระเทือน
สิ่งที่ผู้ชายควรทำ : เพื่อกระตุ้นให้มีการตอบสนองทั่วเรือนร่าง ผู้ชายควรใช้มือนวดคลึงคลิตอริส ขณะที่อีกมือก็นวดคลึงบริเวณเร้าอารมณ์อื่นๆ ไปด้วย ครั้งต่อไปที่กระตุ้นบริเวณนี้อีก สมองจะจดจำการที่คลิตอริสถูกกระตุ้นไปเมื่อคราวที่แล้ว และจะเชื่อมต่อความรู้สึกทั้งสองเข้าด้วยกัน

ขั้นที่ 3 โอ้ว เยส!
หัวใจ ลมหายใจและน้ำหล่อลื่น ทุกอย่างพุ่งพรวดถึงขีดสุด น้องหนูเต้นตุบๆ ตอนที่ถึงจุดสุดยอด คลิตอริสผลุบเข้าไปซ่อนอยู่ใต้หนังหุ้ม ถึงตอนนี้ผู้หญิงอาจรู้สึกว่าถูกตัดขาดจากร่างกายของตัวเอง และจะรู้สึกถึงคลื่นแห่งความสุขวนเวียนอยู่แถวคลิตอริส น้องหนูและประตูหลัง
สิ่งที่ผู้ชายควรทำ : ผู้หญิงแต่ละคนมีความชอบต่างกันไปตอนที่ถึงจุดสุดยอด บางคนชอบให้ผู้ชายทำไปเรื่อยๆ ต่อไปอย่าหยุด บางคนอาจอยากให้กอดหรือจูบ และด้วยเหตุที่คลิตอริสจะไวต่อความรู้สึกมากในช่วงเวลานี้ การกระตุ้นบริเวณแคมของน้องหนูจึงให้ความรู้สึกดีกว่าค่ะ

ขั้นที่ 4 สุขสุดๆ
โดยมากออกัสซั่มมักอยู่นานประมาณ 15-20 วินาที หลังจากนั้นน้องหนูจะค่อยๆ กลับคืนสู่สภาพปกติทั้งขนาดและสีสัน ลมหายใจช้าลง กล้ามเนื้อผ่อนคลาย หยุดผลิตน้ำหล่อลื่น และภายใน 5-10 นาทีน้องหนูจะหดตัวลง
สิ่งที่ผู้ชายควรทำ : เพื่อให้แน่ใจว่าผู้หญิงมีความสุขในขั้นตอนนี้จริงๆ ผู้ชายจึงควรนวดคลึงบริเวณเร้าอารมณ์ของเธอไปด้วย เมื่อถึงจุดสุดยอดผู้หญิงจะปล่อยฮอร์โมนออกซิโทซินออกมา ซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่ปล่อยออกมาตอนให้นมลูกและเข้าใจกันว่าเพื่อช่วยสร้างความผูกพันให้แม่กับลูก นี่คือเหตุผลที่ทำไมผู้หญิงชอบให้กอดหลังจากมีเซ็กซ์

ปลุก นกเขาขัน สู่รักสุขสมเกรด4

อาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ หรือ "นกเขาไม่ขัน" ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ของคุณผู้ชาย บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เชิญ ศ.น.พ.เออร์วิน โกลด์สทีน ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เจ้าของทฤษฎีรักเกรด 4 ร่วมบรรยายเรื่อง "ความสำคัญของความแข็งแกร่งระดับเกรด 4 ของเพศชายต่อสัมพันธ์รักที่สุขสม" พร้อมชี้แนะแนวทางการรักษาที่เหมาะสม

ปลุก นกเขาขัน สู่รักสุขสมเกรด4


เนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปีที่ "ยาเม็ดชนิดรับประทาน นวัตกรรมทางเลือกในการรักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศออกสู่ตลาดโลก" ซึ่งเป็นหนึ่งในทางเลือกแก่ชายที่มีอาการนกเขาไม่ขันกว่า 35 ล้านคนทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย โดยมีแขกรับเชิญ นิรุตติ์ ศิริจรรยา และเสนาลิง นายสมเกียรติ จันทร์พราหมณ์ ร่วมให้ทรรศนะ เมื่อไม่นานนี้ที่โรงแรมโฟร์ ซีซั่นส์

จากการสำรวจเมื่อปี 2547 ในกลุ่มชายไทยทั่วประเทศอายุ 40-70 ปี จำนวน 1,250 ราย พบว่าชายไทยมีอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศร้อยละ 43 โดยมีอาการตั้งแต่น้อยๆ คือ ร่วมเพศไม่สำเร็จ สำเร็จแค่บางครั้ง จนถึงไม่สามารถร่วมเพศได้เลย

ศ.น.พ.โกลด์สทีน กล่าวว่า อาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ หรืออีดี (ED:Erectile Dysfunction) หมายถึงการที่อวัยวะเพศชายไม่แข็งตัว หรือแข็งตัวได้ไม่นานพอที่จะมีเพศสัมพันธ์ได้สำเร็จสุขสมทั้งสองฝ่าย อาการดังกล่าวเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำหรือต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อจิตใจผู้ชายที่ประสบปัญหาเป็นอย่างมาก ทำให้ขาดความเชื่อมั่น รู้สึกต่ำต้อย ไร้คุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นชาย นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อคู่ครอง และชีวิตรัก ปัจจุบันแพทย์สามารถรักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้ จึงอยากแนะนำให้ผู้ที่มีอาการดังกล่าวมาปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัยและแนวทางการรักษาที่ถูกทาง

ในปี 2541 ยาซึ่งเป็นทางเลือกใหม่ชนิดรับประทานเพื่อรักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้ออกสู่ตลาด จัดเป็นนวัตกรรมระดับโลกและได้รับการตอบรับจากชายผู้ประสบภาวะอีดีทั่วโลก

ศ.น.พ.โกลด์สทีน กล่าวว่า แนวทางการรักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงในราว 10 ปีที่ผ่านมานี้ นับตั้งแต่มีการแนะนำยาเม็ดชนิดรับประทาน เนื่องจากสะดวกและมีประสิทธิภาพสูง ตัวยาซึ่งออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์พีดีอี 5 (phosphodiesterase-5) สาเหตุสำคัญที่ทำให้องคชาตไม่แข็งตัว เนื่องจากการกระตุ้นให้องคชาตแข็งตัวนั้นจะมีการปล่อยสารไซคลิกจีเอ็มพี (cGMP) ออกมา แต่สารไซคลิกจีเอ็มพีนี้จะถูกทำลายโดยเอ็นไซม์พีดีอี 5 ดังนั้นวิธีการรักษาด้วยการรับประทานยากลุ่มนี้จะช่วยชดเชยให้องคชาตแข็งตัวได้ดีขึ้น แต่หากใช้ยาไม่ได้ผลหรือใช้ยาไม่ได้เนื่องจากคนไข้รับประทานยาในกลุ่มไนเตรตซึ่งเป็นยาที่ใช้ในคนไข้หัวใจขาดเลือด หรือจากเหตุอื่นๆ แพทย์จะพิจารณาทางเลือกอื่นในการรักษาตามความเหมาะสมเป็นรายกรณีไป

"ผมและทีมงานได้พัฒนาการประเมินค่าความแข็งตัวของอวัยวะเพศ หรือระดับเกรดรัก 1-4 เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยให้ผู้ที่มีอาการอีดีสามารถประเมินถึงระดับอาการที่ตนประสบอยู่อย่างง่าย และสามารถสื่อสารกับแพทย์โดยไม่ต้องทำแบบสอบถามที่ยืดยาว และยังช่วยให้ทราบว่าหลังรับการรักษาแล้วมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเพียงใด" ศ.น.พ.โกลด์สทีนกล่าว โดยระดับเกรดรัก 1-4 ดังกล่าว คือระดับความสามารถในการร่วมรักจากน้อยไปหามาก

ในประเทศไทย ข้อมูลที่ได้รับจากการพูดคุยกับแพทย์ที่ทำการรักษาพบพฤติกรรมของผู้ที่มีอาการอีดีในประเทศไทยมักกระทำคือ การซื้อยามารับประทานเอง ซึ่งมักประสบกับปัญหายาปลอม ทำให้รักษาอาการไม่ได้ เสียเงิน เสียเวลา และอันตรายต่อสุขภาพ บ้างก็เลือกใช้สมุนไพร ยาพื้นบ้าน ยาที่สกัดจากอวัยวะสัตว์ และแพทย์ทางเลือกอื่นๆ ซึ่งมักสิ้นเปลืองและไม่ได้ผล

ศ.น.พ.โกลด์สทีน กล่าวฝากด้วยว่า ผู้ที่คิดว่าตนเองมีเพียงอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศนั้น แท้จริงแล้วอาการดังกล่าวเป็นสัญญาณสำคัญที่แสดงถึงความเจ็บป่วยหรือสภาวะร่างกายเริ่มเข้าขั้นวิกฤต อาทิ โรคไขมันในเส้นเลือดสูง ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคอ้วน ฯลฯ เนื่องจากเส้นเลือดส่วนที่มาเลี้ยงอวัยวะเพศชายนั้นมีขนาดที่เล็กมาก ดังนั้นหากมีภาวะร่างกายโดยเฉพาะระบบหลอดเลือดผิดปกติ เส้นเลือดในส่วนดังกล่าวจะเกิดอาการตีบตัน เลือดไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงและขยายตัวได้ แสดงออกให้เห็นในลักษณะองคชาตไม่สามารถแข็งตัวได้เต็มที่ ผู้ที่มีอาการอีดีจึงไม่ควรละเลย ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาและทำการรักษาตั้งแต่ในระยะแรกเริ่ม อีกทั้งเพื่อป้องกันรักษาความผิดปกติอื่นๆ ที่เกี่ยวกับหลอดเลือดและหัวใจซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

ด้านนิรุตต์ ศิริจรรยา นักแสดงหนุ่มรุ่นใหญ่ วัย 62 ปี บอกว่า คนเราต้องดูแลสุขภาพตนเองให้ดี แม้ตนเองจะอายุมาก แต่ถ้ามีอาการอีดีก็จะไม่ซีเรียส โดยเปรียบเทียบว่าร่างกายคนเราว่ายน้ำไป 50 รอบ จะให้ว่ายต่อทันทีคงเป็นไปไม่ได้ ต้องพักผ่อนบ้าง และการมีเพศสัมพันธ์ต้องคำนึงถึงความต้องการของฝ่ายหญิงด้วย

ส่วนเสนาลิง สมเกียรติ จันทร์พราหมณ์ พิธีกรและนักแสดง เล่าว่า มีเพื่อนที่อยู่ในวัยชอบเที่ยว และมักจะดื่มเหล้าจากนั้นก็ใช้ยาเพื่อหวังว่าจะมีเพศสัมพันธ์ที่สุขสม ซึ่งศ.น.พ.โกลด์สทีนกล่าวติงว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดีและไม่มีความจำเป็น พร้อมแนะนำว่าควรดูแลสุขภาพร่างกายตนเองให้ดี เพื่อมีสัมพันธ์รักที่สุขสมและยั่งยืน

วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

คุณูปการของ SEX

คุณูปการของ SEX

(ภาพ)


SEX - ลดความอ้วน
SEX - บำรุงความงาม
SEX - แก้ปวดหัว และอาการแพ้
SEX - ช่วยประหยัด … ไม่ต้องซื้อ น้ำ หอม
SEX - ทำให้ผมนุ่ม เป็นเงางาม
SEX - ฯลฯ … ฯลฯ … ฯลฯ
คุณรู้หรือไม่ ว่าผิวหนังสามารถบอกคุณได้ว่าคน ๆ
นั้นกระตือ รือร้นทางเพศหรือไม่
มีกิจกรรมทางเพศเฉื่อยชาหรือกระ ปี้กระเปร่าดี
ขอว่าเป็นข้อ ๆ

1. เซ็กส์คือ การบำรุงความงาม การทดลองทางวิทยาศาสตร์ พบว่า ขณะ
ผู้หญิงมี เพศสัมพันธ์ เธอจะหลั่งฮอร์โมนเอสโตรเจนออกมาปริมาณมาก
ซึ่งทำให้ เส้นผมเป็นเงางามและผิวหนังนุ่มนวล

2. เพศ สัมพันธ์ที่อ่อนโยนและผ่อนคลายช่วยลดการอักเสบทางผิวหนัง เช่น สิว และผื่น ต่าง ๆ ได้ เหงื่อที่ ไหลออกมาเป็นตัวชะล้างรูขุมขน ทำให้ผิวหนังผ่องใส

3. เพศ สัมพันธ์ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ที่คุณกินเข้าไปช่วงมื้อค่ำอันโรแมนติก

4. เซ็กส์คือ การออกกำลังกายที่ปลอดภัยที่สุด
มันทั้ง ช่วยยืดเส้นยืดสายและทำให้กล้ามเนื้อตึงในทุก ๆ ส่วน ของร่างกาย
อีกทั้งน่า สนุกกว่าจ๊อกกิ้งหรือว่ายน้ำสัก 20 เที่ยว เป็นไหน ๆ
แถมยังไม่ ต้องใช้รองเท้ากีฬาแพง ๆ

5. เซ็กส์ช่วย ลดความตึงเครียดได้ดียิ่งกิจกรรมทางเพศช่วยหลั่งสารเอนดอร์ฟินส์ในกระแส เลือดทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น

6. มีเซ็กส์ บ่อย ๆ คุณยิ่งได้ รับสารเคมีที่ชื่อ “ ฟีโรโมนส์ ” (Pheromones) มากยิ่งขึ้น

7. กลิ่นตัว ที่ถูกขับออกมาขณะมีความต้องการทางเพศ เป็น “ น้ำหอม ”
ที่ช่วย กระตุ้นให้เพศตรงข้ามคึกคักได้อย่างเหลือเชื่อ

8.จูบกันทุกก วันลดอาการฟันผุ การ จูบกระตุ้นน้ำลายให้ขับน้ำลายออกมาจึงช่วยชะล้างฟันของคุณให้สะอาด

9. เซ็กส์แก้ ปวดหัว ตลอดกระบวน การทางเพศจะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดซึ่งไปปิดกั้นหลอดเลือดในสมองไว

10. ร่วมเพศบ่อย ๆ ช่วยแก้ อาการคัดจมูกเพราะเซ็กส์เป็นยาแอนตี้ฮิสตามีนจากธรรมชาติ แก้อาการแพ้ ฝุ่นแพ้ละอองได้ดี

11. เซ็กส์จะ เป็นยานอนหลับที่มีประสิทธิภาพดีกว่า Valium “
แวเลี่ยม ” หลายเท่า ถ้าคุณ สามารถมีเซ็กส์เกิน 5 ครั้งใน หนึ่งคืน

บทความนี้ ส่งมาถึงคุณ ๆ เพื่อหวัง ให้คุณโชคดีในเรื่องเพศ
บทความต้น ฉบับอยู่ที่ห้อง ปาลาสโซ

บทความนี้ถูก นำเผยแพร่ไปทั่วโลกทั้งหมด 9 ครั้ง และตอนนี้ เซ็กส์ได้ส่งมาถึงมือคุณแล้ว หมายถึงคุณผู้อ่านทุกคนด้วย
จากนี้อีก 4 วัน คุณจะได้รับ “ เซ็กส์มันหยด ”
และหวังว่า คุณจะช่วยเผยแพร่บทความนี้ต่อ ๆ ไป
ถ้าคุณไม่ส่ง ต่อบทความนี้ คุณจะไม่มี วันมีเซ็กส์ที่ดีอีกเลย
ชั่วชีวิตคุณ จะไม่มีเซ็กส์อีก อวัยวะเพศของคุณจะเฉาและหมดสมรรถภาพ ; ( มันเคยเกิด ขึ้นแล้วกับคนที่ไม่ปฏิบัติตามที่เราบอก)
นี่ไม่ใช่ เรื่องตลกนะ! > >> ขอให้มีความ สุขทางเพศ แต่โปรดจำไว้ สำเนา 10 ฉบับ จะต้องผ่าน อี-เมล์ของคุณหรือไปรษณีย์ก็ได้ออกไปภายใน 96 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้น คุณจะไม่มีความสุขทางเพศอีกต่อไปชั่วชีวิต เสียใจและขอ โทษจริง ๆ ที่คุณพลาดไป แล้วที่มาอ่าน บทความนี้ เข้า เพื่อความสุข ทางเพศของคุณโปรดทำตามที่เราบอก

วันจันทร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2553

ผู้ชาย ตั้งท้องกับความรักแบบ หญิงรักหญิง

ผู้ชายตั้งท้อง กับความรักแบบ หญิงรักหญิง


เกิดเรื่องประหลาดขึ้น เมื่อพบว่าเกิดเหตุ เกิดพบว่ามีชายตั้งท้องขึ้น
โดยชายคนดังกล่างมี ชื่อว่า โทมัส บีตตี้ ( Thomas Beatie ) ได้อุ้มท้องแทน นางแนนซี โรเบิทร์ส ( Nancy Roberts ) ผู้เป็นภรรยา และกำลังมีครรภ์แก่ใกล้จะคลอด ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นผู้ชายคนแรกของโลกที่อุ้มท้อง และคลอดลูกด้วยตนเอง เพราะถ้ามองจากภายนอกแล้ว นายโทมัสผู้นี้มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับผู้ชายทั่วไปไม่มีผิดเพี้ยน เพราะมีทั้งหนวดและเคราครึ้ม รวมถึงกล้ามเนื้อ และรูปร่างกำยำล่ำสัน ไม่ต่างจากผู้ชายคนอื่นๆ ทั่วไป แต่เหตุการณ์ดังกล่าวกลับการเป็นว่า นายโทมัส บีตตี้ ( Thomas Beatie ) นั้นเป็นผู้หญิงแปลงเพศเป็นชาย


รูปภาพ ขณะเมื่อโทมัส ยังเป็นหญิง มีนามว่า เทรซี

รายงานข่าวแจ้งว่า ในวัยเด็ก นายโทมัส มีชื่อว่า เทรซี ลากอนดิโน ( Tracy LaGondino ) เป็นเด็กสาวที่มีหน้าตาน่ารัก และสวยมากคนหนึ่ง และมีตำแหน่งเป็นถึงนางงามวัยรุ่นของฮาวายเลยทีเดียว แต่เขา หรือเธอ กลับมีรศนิยมทางเพศแบบ หญิงรักหญิง ( Lesbian ) ภายหหลังจากได้พบรักกับนางแนนซี เขาจึงได้ตัดสินใจแปลงเพศจากหญิงเป็นชาย โดยตัดเต้านมทิ้ง แต่ยังคงเก็บมดลูกและรังไข่เอาไว้ ทำให้สามารถตั้งท้องแทนภรรยาได้ เพราะนางแนนซี วัย 45 ปี มีปัญหาต้องตัดมดลูกทิ้ง โทมัสซึ่งตัดสินใจจะตั้งท้องแทนภรรยาจึงได้หยุดกินฮอร์โมนเพศชายที่กินมาตลอด หลังจากแปลงเพศ เพื่อรังไข่พร้อมที่จะผลิตไข่ได้อีกครั้ง ก่อนหน้านี้ นายโทมัสเคยได้พยายามตั้งท้องมาแล้วหนึ่งครั้ง และได้ลูกแฝดมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยใช้สเปิร์มที่มีผู้บริจาคให้แก่ธนาคารสเปิร์ม ด้วยการที่นางแนนซีเป็นคนผสมเทียมให้แก่โทมัส แต่โชคร้ายที่โทมัสตั้งครรภ์ในตำแหน่งที่ผิดปกติทำให้เกิดแท้ง แต่ทั้งสองยังไม่ยกเลิกความพยายาม ใตครั้งที่สองความพยายามของพวกเขาจึงสำเร็จ และลูกก็จะลืมตาออกมาดูโลกด้วยการผ่าท้องโดย นพ.คิมเบอร์ลี เจมส์ ในวันที่ 6 กรกฎาคม 2008 เป็นทารกเพศหญิงโดยพวกเขาตั้งชื่อลูกว่า ซูซาน ( Susan Juliette )



รูปภาพ โทมัส และซูซานลูกสาวของเขา





รูปภาพ โทมัส และภรรยาแนนซี
ข้อมูลอ้างอิง
http://hilight.kapook.com/view/25022
http://www.turklook.at/tr/storyprint.asp?id=208
http://americansfortruth.com/news/the-pregnant-man-is-a-lesbian-activist.html

ไวเบรเตอร์ เครื่องแรกของโลก

เครื่อง Vibrator เครื่องแรกของโลก เครื่อง Vibrator เครื่องแรกของโลก


Vibrator ไวเบรเตอร์ คือ อุปกรณ์เพื่อใช้ในการบำบัดความต้องทางเพศ ในปัจจุบันมีมากมาย หลากหลายรูปทรง แต่สำหรับไวเบรเตอร์ เครื่องแรกของโลกนั้น คุณจะต้องตกใจถ้าเห็นมัน

รายละเอียดเกี่ยวกับ ไวเบรเตอร์ เครื่องแรกของโลก

•ไวเบรเตอร์ เครื่องนี้ประดิษฐ์โดย ด็อกเตอร์ George Taylor ในปี 1869
•มันถูกสร้างมาเพื่อใช้ บำบัดอาการป่วยจากโรคฮิสทีเรีย( hysteria )
•ไวเบรเตอร์ เครื่องนี้มีต้นกำลัง จากเครื่องจักรไอน้ำ จึงทำให้มันมีขนาดใหญ่โตจนน่ากลัว
•ทำให้การใช้งานจะต้องนำเครื่องไปไว้อีกห้องหนึ่ง ส่วนที่เป็นอวัยวะเพศเทียม เท่านั้นที่จะโผล่มาจากกำแพง เพื่อใช้งาน

ข้อมูลอ้างอิง ไวเบรเตอร์ เครื่องแรกของโลกจากลิ้งล์ข้างล่างนี้
•http://gizmodo.com/5466997/the-steam+powered-vibrator-and-other-terrifying-early-sex-machines?skyline=true&s=i

วันอังคารที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2553

ตรวจภายใน ด้วยตนเอง

เช็คสุขภาพคุณผู้หญิง
          ถ้าพูดถึงเรื่อง ตรวจภายใน สำหรับผู้หญิงยุคใหม่แล้วล่ะก็ เป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว เพราะใครๆก็รู้ว่าเป็นการเช็คสุขภาพที่สำคัญมากๆของผู้หญิงเรา และเป็นเรื่องของสุขภาพไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไร แต่ก็อย่างว่าค่ะ คงมีอยู่บ้างที่ครั้งแรกแล้วอาจรู้สึกตะขิดตะขวงใจหรือผลัดวันประกันพรุ่ง ไม่ว่างบ้าง ลืมบ้าง ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม เอาเป็นว่าก่อนถึงมือหมอ ลองใช้มือตัวเองสำรวจตรวจตราซะก่อน ซึ่งถือเป็นการตรวจเบื้องต้นด้วยตัวเองที่สะดวก ง่าย เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณรู้และรักษาอาการผิดปกติได้อย่างทันท่วงที

7 ขั้นตอน ตรวจภายในด้วยตัวเอง

          1. ล้างมือให้สะอาดก่อนเริ่มตรวจ จากนั้นจัดท่าของตัวเองว่าจะนั่งหรือนอนอย่างไรให้เห็นอวัยวะเพศของตัวเอง ได้ดีที่สุด อาจจะนอนชันเข่า หลังพิงฝาโดยใช้หมอนหมุนหลัง หรือนั่งยองๆ นั่งคุกเข่า ท่าใดท่าหนึ่งก็ได้ที่คิดว่าสะดวกสุด

          2. หากระจกที่สามารถใช้ถือดูอวัยวะเพศของคุณมา 1 บาน

          3. ให้ใช้มือข้างหนึ่งที่ถนัดแยกแคมใหญ่ทั้งสองข้างออกจากกัน แล้วมองและคลำดูว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ เช่น ก้อน ตุ่มแข็ง ตุ่มน้ำ แผล รอยบวม หรือมีบริเวณที่สีเปลี่ยนไป คล้ำมากหรือแดงมากหรือไม่

          4. จากนั้นใช้นิ้วแยกแคมเล็กออกจากกัน ตรวจหาความผิดปกติต่างๆ แบบเดียวกับขั้นตอนที่ 3 แล้วตรวจดูที่บริเวณรูเปิดท่อปัสสาวะว่ามีอาการบวมแดงหรือเปล่า และใช้มือดึงรั้งผิวหนังที่คลุมบริเวณคลิตอริสขึ้นไป เพื่อตรวจดูว่ามีแผลหรือไม่

          5. ใช้นิ้วมือสองนิ้วสอดเข้าไปในช่องคลอด แล้วกดแยกหนังช่องคลอดออกจากกัน สังเกตตกขาวในช่องคลอด ถ้าเป็นสีขาวขุ่น เป็นมูกเหนียวหรือมูกใส มีกลิ่นคาวเล็กน้อย แสดงว่าเป็นตกขาวปกติ แต่ถ้ามีลักษณะคล้ายคราบนมที่เด็กแหวะออกมา และมีอาการคันด้วย แสดงว่าอาจมีเชื้อราหรือเชื้อพยาธิในช่องคลอด ถึงเวลาที่ต้องไปพึ่งคุณหมอสูติฯ แล้ว

          6. ใช้นิ้วมือคลำบริเวณส่วนล่างของแคมใหญ่ทั้งสอง โดยใช้นิ้วมือหนึ่งอยู่ในช่องคลอด และอีกนิ้วหนึ่งอยู่ที่ส่วนล่างของแคมใหญ่ ดูว่ามีก้อนคล้ายถุงน้ำบริเวณนั้นหรือเปล่า เพราะเป็นตำแหน่งของต่อมที่สร้างมูกออกมาช่วยหล่อลื่นในช่องคลอด ซึ่งท่อที่ปล่อยมูกนี้เจอปัญหาอุดตันได้บ่อย ถ้าคลำได้เป็นก้อนนิ่มๆ ล่ะก็อย่าปล่อยทิ้งไว้นานจะทำให้อักเสบเป็นหนองได้

          7. สุดท้ายตรวจบริเวณฝีเย็บและรูทวารว่ามีก้อนเนื้อที่เรียกว่า ริดสีดวงทวารหรือเปล่า ถ้ามีก็รีบปรึกษาหมอว่าจะมีวิธีรักษาอย่างไร ไม่อย่างนั้นจะลำบากเวลาขับถ่าย

สัญญาณแบบนี้ไม่ดีแน่!!


          - มีรอยแดงตำแหน่งเดียว ไม่ว่าอยู่ส่วนไหนของอวัยวะเพศก็ตามอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรคบางชนิด เช่น ปากช่องคลอดอักเสบหรือมะเร็งปากช่องคลอด
          - บวมอาจเกิดได้จาก แมลงกัดต่อยหรืออาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคบางชนิด เช่น โรคไต มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ซึ่งถ้าเป็นโรคเหล่านี้ก็มักมีอาการบวมที่อื่นร่วมด้วย
          - สาวๆที่มีไฝหรือจุดคล้ำ ดำ ทุกๆ 2-3 เดือน ควรหมั่นสังเกตว่าจุดเหล่านี้มีสีเข้มขึ้นหรือใหญ่ขึ้นหรือเปล่า ถ้าใหญ่ขึ้นหรือสีเข้มขึ้นต้องปรึกษาคุณหมอ เพราะอาจเป็นมะเร็งได้
          - ตุ่มน้ำ อาจเกิดจากเริมหรือผิวหนังอักเสบที่อวัยวะเพศก็ได้
          - ก้อน อาจเป็นเนื้องอกหรือเกิดจากการอักเสบ ถ้าเป็นเนื้องอกที่บริเวณนี้มักจะไม่ใช่มะเร็ง สามารถรักษาได้ แต่อย่าละเลย แบบว่ามีก็ช่างมัน!

อาการผิดปกติที่พบได้บ่อย
          - คัน จัดเป็นอาการยอดฮิต สาเหตุมีหลากหลาย เช่น ติดเชื้อรา แพ้ผ้าอนามัย หรือโรคเบาหวาน ซึ่งไม่สามารถสรุปได้โดยไม่ตรวจภาย ถ้ามีอาการ พยายามอย่าเกา และไปขอคำแนะนำการรักษาจากคุณหมอ
          - แสบ อาจมีสาเหตุจากโรคหลายๆอย่าง ที่พบบ่อยคือโรคเริมปากช่องคลอด หรืออาจเกิดจากคันแล้วเกาจนเป็นแผลถลอก
          - เลือดออก อาการแบบนี้พบไม่บ่อยนัก แต่เมื่อเกิดอาการก็ไปพบหมอดีกว่าค่ะ อย่าลองรักษาเองเลย
          - อาการไม่ปกติอื่นๆ คุณผู้หญิงบางคนอาจรู้สึกแปลกๆ เช่น รู้สึกยุบยิบที่ตรงนั้น หรือเจ็บแปลบๆ เหล่านี้อาจเกิดจากปัญหาส่วนตัว เช่น เป็นคนที่เหงื่อออกง่าย ใส่กางเกงในคับเกินไป เป็นต้น

เรื่องเล็กๆของจุดซ่อนเร้น
          - หมั่นตรวจตราจุดซ่อนเร้น ของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ
          - หลังเสร็จธุระต้องทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นให้แห้ง เพื่อจะได้ไม่เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค
          - คุณผู้หญิงที่ใช้กระดาษทิชชูทำความสะอาด ต้องระวังอย่าให้มีเศษกระดาษเปื่อยหลุดเข้าไปในช่องคลอด เพราะจะทำให้เกิดอาการคัน หรือตกขาวผิดปกติได้
          - เลี่ยงการใช้ผ้าอนามัยและกระดาษชำระที่เติม กลิ่น สี เพราะทำห้ระคายเคืองได้ รวมถึงผ้าอนามัยแบบสอด เพราะอาจะเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคถ้าคุณใส่นานเกินไป
          - ระวังผลการใช้สบู่ที่ไม่คุ้นเคย หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น
          - อย่าสวมกางเกงที่คับเกินไป นอกจากจะอึดอัดแล้ว เวลาเหงื่อออกจะทำให้เกิดอาการคันได้ง่าย ยิ่งบางคนที่แพ้สารเคมีในกางเกงในด้วยแล้วยิ่งทำให้คันมากขึ้น
          - อย่าสวนล้างช่องคลอดเด็ดขาด เพราะน้ำจะทำลายสภาพความเป็นกรดในช่องคลอดให้เจือจางลง ทำให้ติดเชื้อได้ง่าย





          สำหรับบางคนอาจต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ว่า ตรวจภายในไม่ใช่เรื่องน่ากลัวและน่าอาย เป็นการเช็กสุขภาพเฉพาะส่วนที่ใช้เวลาในการตรวจเพียง 5 นาที

          จะเป็นการดีที่สุดถ้าให้แพทย์เป็นคนตรวจ หากไม่กล้าพบหมอผู้ชาย เลือกหมอสูติฯที่เป็นผู้หญิงตรวจให้ก็ได้ โดยปรึกษาหรือขอคำแนะนำจากญาติมิตรที่ไว้ใจได้และเคยมีประสบการณ์ ก่อนตัดสินใจ

          ค่าใช้จ่ายในการตรวจภายใน เฉพาะค่า lab อยู่ที่ประมาณ 1,000 - 1,500 บาท ต่อครั้ง ราคาขึ้นอยู่กับสถานพยาบาลนั้นๆ ซึ่งถ้าเป็นโรงพยาบาลรัฐราคาก็จะต่ำกว่านี้มาก

          รู้เทคนิคขั้นตอนอย่างนี้แล้ว ก็ลองทำกันดูนะคะ ส่ว่นการไปพบคุณหมอสูติฯนั้นควรจะตรวจปีละครั้ง โดยสามารถเลือกคุณหมอสูติฯผู้ชายหรือผู้หญิงก็ได้

          ของอย่างนี้ถ้ารักถ้าหวงกันจริงก็ต้องดูแลให้ถูกต้องนะคะ ยังไงกันก่อนแก้ ย่อมดีกว่าตามรักษากันภายหลัง คุณว่ามั้ย


ขอขอบคุณข้อมูลภายใต้ความร่วมมือของ
สสส. และ วิชาการดอทคอม
ที่มา www.thaihealth.or.th

วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ยาคุมฯ ไร้เอสโตรเจน


สาวๆ ไม่แพ้อีกต่อไป!

“ยาคุมกำเนิด” เป็นวิธีที่ดีวิธีหนึ่งเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์อันไม่พึงประสงค์ที่ผู้หญิง ไทยใช้กันมานานแล้ว แม้ว่าในปัจจุบัน “ถุงยางอนามัย” เข้ามามีบทบาทเคียงบ่าเคียงไหล่จนดูเหมือนว่าจำนวนผู้ใช้จะเพิ่มขึ้นจนแซง หน้า “ยาคุมฯ” ไป มาหลายช่วงตัว แต่จากสถิติของสำนักงานสถิติแห่งชาติที่สำรวจเอาไว้เมื่อพ.ศ.2552 ก็ยังพบว่าการใช้ยาคุมฯ ยังคงเป็นที่นิยมเป็นลำดับ 2 รองจากถุงยางอนามัย ซึ่งถือว่าผู้ที่ยังใช้ยาคุมฯ ก็ยังมีไม่น้อยเลยทีเดียว

“จากข้อมูลล่าสุดพบว่าผู้หญิงไทยมีการใช้ยาคุมกำเนิดเป็นวิธีการป้องกันการ ตั้ง ครรภ์ไม่พึงประสงค์อยู่ราวๆ 37% การคุมกำเนิดด้วยการกินยาเม็ดคุมกำเนิดถือว่าปลอดภัย”

ศ.นพ.สุรศักดิ์ ฐานีพานิชกุล คณบดีวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาฯ กล่าวให้ข้อมูลทั่วไปของยาคุมกำเนิด ก่อนจะอธิบายต่อไปว่า ยาคุมกำเนิดทั่วไปจะเป็นแบบชนิดรวม โดยยาทุกเม็ดจะมีส่วนประกอบของฮอร์โมนเอสโตรเจน (estrogen) และโปรเจสเตอโรน (progesterone) ใน ขนาดเท่ากันทุกเม็ด โดยมีอยู่ 21 เม็ด ส่วนยาคุมชนิด 28 เม็ด อีก 7 เม็ด จะเป็นพวกวิตามิน ซึ่งในอดีตยาคุมกำเนิดชนิดรวมมักจะมีปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงมาก คือประมาณ 50 มิลิกรัม แต่ปัจจุบันมีการพัฒนาลดฮอร์โมนเอสโตรเจนในยาคุมกำเนิดชนิดรวมลงเหลือเพียง 10 – 20 มิลลิกรัมเท่านั้น

“นอกจาก นี้ก็ยังมียาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินที่ใช้กินหลังการมีเพศสัมพันธ์ที่ กะทันหัน แต่ชนิดนี้ไม่ควรใช้บ่อยเพราะมีฮอร์โมนในเม็ดยาสูงกว่ายาคุมกำเนิดทั่วไป ไม่ควรใช้ติดต่อกัน”

ศ. นพ.สุรศักดิ์กล่าวต่อไปอีกว่า นอกจากการกินยาคุมกำเนิดเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์แล้ว ประโยชน์ข้างเคียงของการกินยาเม็ดคุมกำเนิดยังมีอีกหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการทำให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ ไม่กระปริบกระปรอย ลดอาการปวดประจำเดือน ลดภาวะประจำเดือนมามาก ซึ่งจะช่วยลดภาวะซีดและโลหิตจางช่วงมีประจำเดือนลงได้ ลดการเครียดสะสมก่อนมีประจำเดือน ช่วงป้องกันโรคกระดูกพรุน ลดความเสี่ยงของมะเร็งรังไข่ มะเร็งลำไส้ และช่วยลดอุบัติการณ์ของภาวะอักเสบในอุ้งเชิงกราน เพราะฮอร์โมนในยาคุมกำเนิดจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของมูกบริเวณปากมดลูก โดยทำให้เหนียวข้นขึ้น จึงช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อโรคผ่านเข้าไปในโพรงมดลูกและอุ้งเชิงกราน

แต่ในข้อดีหลายประการของยาคุมกำเนิดนี้ คณบดีวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุขแห่งรั้วจามจุรีก็ได้ชี้แจงอีกมุมหนึ่ง ที่เป็นข้อเสียของยาเม็ดคุมกำเนิดว่าทั่วโลกพบข้อมูลว่ามีสตรีผู้ใช้ยาคุม กำเนิดเกิดภาวะแพ้ยาคุมฯ ซึ่งส่วนใหญ่มาสาเหตุมาจากผลของฮอร์โมนเอสโตรเจนในยาคุมกำเนิดชนิดรวม

“ส่วนใหญ่ผู้ที่แพ้เอสโตรเจนจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เจ็บคัดเต้านม เลือดออกกระปริบกระปรอย เวียนศีรษะ บางรายปวดไมเกรน เป็นฝ้า เป็นสิว มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น อ้วนขึ้น และที่สำคัญคือการกินยาคุมฯ ที่มีเอสโตรเจนมีข้อจำกัดกับคนหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีภาวะเส้นเลือดดำอุดตัน ผู้ที่สูบบุหรี่ ผู้ที่มีอายุเกิน 35 ปีขึ้นไป ซึ่งเอสโตรเจนอาจส่งผลต่อร่างกายได้ รวมถึงคุณแม่ที่กำลังให้นมลูก เอสโตรเจนจะทำให้น้ำนมน้อยลง ซึ่งนี่ทำให้ในระยะหลังได้มีการคิดค้นนวตกรรมยาคุมกำเนิดชนิดใหม่ขึ้นมา ซึ่งน่าจะเป็นคำตอบที่ดีสำหรับผู้ที่แพ้เอสโตรเจน นั่นก็คือยาคุมชนิดไร้เอสโตรเจนนั่นเอง”


ด้านนพ.มานพชัย ธรรมคันโธ จากภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาลให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าทุกวันนี้เรื่องของสิทธิสตรีเปิดกว้าง ขึ้น ผู้หญิงไทยหันมาคุมกำเนิดแบบกินยาคุมฯ มากขึ้น โดยในกรณีของผู้หญิงทั่วๆ ไป อยากแนะนำให้พิจารณาเลือกใช้ยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนในปริมาณต่ำ จะช่วยให้ผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากฮอร์โมนชนิดนี้ลดน้อยลงได้ โดยเฉพาะเรื่องน้ำหนักตัวซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยและเป็นปัญหาที่สร้างความ กังวลให้แก่ผู้หญิงมากกว่าผลข้างเคียงอื่นๆ

“ยาคุมกำเนิดแบบไร้เอสโตรเจนถือเป็นทางเลือกที่ดีวิธีหนึ่งสำหรับผู้ที่มี อาการแพ้ ปัจจุบันนวตกรรมยาคุมกำเนิดแบบไร้เอสโตรเจนได้พัฒนาให้มีฤทธิ์คุมกำเนิดใกล้ เคียงกับยาคุมกำเนิดชนิดรวม ซึ่งก็ได้ผลดี ดังนั้นสาวๆ ที่จำเป็นต้องใช้ยาคุมฯ แบบไร้เอสโตรเจนไม่ต้องกังวลถึงประสิทธิภาพการทำงานของยา นอกจากนี้ผู้ที่มีความเสี่ยงอื่นๆ อย่างที่อ.สุรศักดิ์ได้กล่าวไปแล้ว อย่างอ้วน สูบบุหรี่ หรืออายุมากกว่า 35 ปี ตลอดจนผู้ที่มีโรคหลอดเลือด และมารดาที่ให้นมบุตรแต่ต้องการคุมกำเนิด ควรเลือกใช้แบบไร้เอสโตรเจนที่ลดความเสี่ยงที่อาจส่งผลต่อร่างกายด้วย”


คุณหมอคนเก่งจาก จากภาควิชาสูติฯ ศิริราชฝากเตือนด้วยว่า ผู้ที่ไม่ควรใช้ยาคุมกำเนิดเลยไม่ว่าจะเป็นชนิดรวมหรือชนิดไร้เอสโตรเจนก็ ตาม คือกลุ่มสตรีมีครรภ์ กลุ่มที่ป่วยด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจ กลุ่มที่มีไขมันในร่างกายผิดปกติ กลุ่มที่มีปัญหาการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ผู้ป่วยโรคตับอักเสบ และผู้ป่วยมะเร็งที่ฮอร์โมนจะไปช่วยทำหน้าที่เสมือนปุ๋ยที่ทำให้มะเร็งโต เร็วมากขึ้น

“อย่างมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งอื่นๆ ที่ฮอร์โมนช่วยกระตุ้นให้มะเร็งโตขึ้นนั้น แม้จะเป็นยาคุมแบบไร้เอสโตรเจรนก็ห้ามใช้ เพราะแม้จะไม่มีเอสโตรเจน แต่ก็ยังมีโปรเจสโตรโรนเป็นฮอร์โมนอีกตัวอยู่ในเม็ดยา” นพ.มานพ ชัยทิ้งท้าย

วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

หนองในเทียม

หนองในเทียมหนองในเทียมเป็นหนึ่งในสี่ของโรคที่พบบ่อยในคลินิกกามโรคชาย (หนองในแท้ หนองในเทียม โรคเริม และหูดหงอนไก่) อาจมาเดี่ยวๆโรคเดียว หรือมาพร้อมกับโรคหนองในแท้ก็ได้ หนองในเทียมส่วนใหญ่จะรักษาหายด้วยยากิน แต่ก็มีคนไข้ส่วนหนึ่งที่รักษาหายยาก (มีไม่ถึง 10 %) จัดอยู่ในประเภทหนองในเทียมที่รักษายาก

เมื่อมีการอักเสบในท่อปัสสาวะ เอาหนองหรือของเหลวจากท่อปัสสาวะมาตรวจย้อมแล้วส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์(หรือตรวจด้วย วิธีอื่น) ถ้าไม่พบเชื้อหนองในแท้ (gram negative dipplococci) เราจะจัดให้อยู่ในกลุ่มหนองในเทียมทั้งหมด เพราะการรักษาไม่ต่างกัน

หนองในเทียมมีชื่อภาษาอังกฤษหลายชื่อ เช่น NGU, NSP, PGU แต่ละชื่อมีความแตกต่างกันเล็กน้อย


รูปเชื้อหนองในเทียม

NGU (Non-Gonococcal Urethritis) ในผู้ชาย เมื่อตรวจหนองแล้วพบว่ามีการอักเสบ แต่ไม่พบเชื้อหนองในแท้ แต่อาจพบเชื้ออื่นเช่น Chlamydia หรือ ureaplasma หรือเชื้ออื่นๆ

NSU (Non-Specific Urethritis) หมายถึง ท่อปัสสาวะอักเสบ จะไม่พบเชื้อใดๆ อาจอักเสบอาจเกิดจากการสวนท่อปัสสาวะ เคล็ดจากการมีเพศสัมพันธ์ แพ้ยา แพ้อาหารทะเล หรือเกิดจากการบาดของผลึกอาหารบางอย่าง

PGU (Post-Gonococcal Urethritis) หมายถึง การอักเสบในท่อปัสสาวะหลังรักษาหนองในแท้หายแล้ว

ตัวต้นเหตุ
ติดมาได้ยังไง
นานแค่ไหนถึงมีอาการ
มีอาการอะไรบ้าง
หมอตรวจยังไง
ถ้าไม่รักษาจะเกิดอะไรขึ้น
แล้วจะรักษายังไง
แล้วจะป้องกันตัวเองได้อย่างไร

จากข้อความที่เกริ่นข้างต้นคงพอจะทราบแล้วว่า หนองในเทียมมีทั้งประเภทที่มีเชื้อและไม่มีเชื้อ ประเภทที่มีเชื้อ ก็มีได้หลายเชื้อ เช่น แบคทีเรีย ไวรัส โปรโตซัว หรือเชื้อรา ซึ่งเชื้อส่วนใหญ่ (เกินครึ่ง) ที่ตรวจพบคือเชื้อ Chlamydia trachomatis และ Ureaplasma urealyticum ส่วนโรคเริมหรือพยาธิในช่องคลอด (Trichomanas vaginalis) ก็อาจทำให้เกิดหนองในเทียมได้

ส่วนใหญ่ติดจากการร่วมเพศ ไม่ว่าจะเป็น ทางปาก ทางช่องคลอด หรือทางทวารหนัก ก็ติดโรคนี้ได้ทั้งสิ้น ผู้ชายหลายคนอาจคิดว่า การให้ผู้หญิงใช้ปากโดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยจะไม่ทำให้ติดโรค ถือเป็นความเข้าใจที่ผิด ! นอกจากสาเหตุหลักนี้แล้ว สาเหตุอื่นที่ทำให้ติดโรคได้เช่น การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ การอักเสบของต่อมลูกหมาก เคล็ดจาการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง แพ้ยา หรือแพ้สารอาหารบางอย่าง

หลังรับเชื้อมาแล้วหนึ่งถึงสามสัปดาห์ หรือบางรายอาจนานเป็นเดือน หนองในเทียมจะเริ่มแสดงอาการ

ส่วนหนองในแท้จะแสดงอาการเร็วกว่าหนองในเทียม โดยจะแสดงอาการภายใน 3-4 วัน

ในผู้ชาย อาการมักเกิดหลังติดเชื้อประมาณ 1-3 สัปดาห์ โดยจะมีอาการแสบที่ปลายท่อปัสสาวะ ปัสสาวะแสบขัดเล็กน้อย บางรายอาจคันหรือระคายเคืองท่อปัสสาวะ หรือปวดหน่วงตรงฝีเย็บใกล้ทวารหนัก มีหนองซึม ลักษณะเป็นมูกใสหรือมูกขุ่น (หนองในแท้ หนองจะมีลักษณะข้นกว่า) มีออกเพียงเล็กน้อย ในระยะแรกอาจรู้สึกแสบๆในท่อปัสสาวะ และมีมูกออกเล็กน้อยเฉพาะในช่วงเช้าเท่านั้น ต่อมาจะเริ่มแสดงอาการมากขึ้น

ในผู้หญิง มักไม่แสดงอาการ อาจมีเพียงตกขาวผิดปกติ หรือปัสสาวะแสบเล็กน้อยในบางครั้ง

เด็กแรกเกิดที่แม่มีเชื้อหนองในเทียม โดยเฉพาะเชื้อ Chlamydia อาจมีอาการตาแดงตาอักเสบหรือปอดบวมได้

       


สำหรับผู้ชาย นำสารคัดหลั่งจากท่อปัสสาวะมาย้อมสี ส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ ถ้ามีสารคัดหลั่งน้อย หมออาจเอาลวดแหย่เข้าไปในท่อปัสสาวะเพียงตื้นๆ เพื่อเอาสารคัดหลั่งมาตรวจ แต่ถ้าใครมีหนองหรือเมือกให้เห็น ก็เอาแผ่นกระจกป้ายแล้วนำมาย้อมสี ส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ การตรวจเพียงแค่นี้ก็นับว่าเพียงพอแล้วสำหรับการวินิจฉัย แต่ถ้ารักษาแล้วยังไม่ดีขึ้นหรือไม่หาย ก็ต้องตรวจเพิ่มเติมด้วยวิธีการอื่น เช่น เพาะเชื้อ ตรวจ PCR เป็นต้น

นอกจากนี้หมออาจตรวจปัสสาวะ วิธีนี้เรียกว่า TWO GLASS TEST เพื่อดูว่า การอักเสบลุกลามไปถึงท่อปัสสาวะส่วนต้นหรือส่วนโคนแล้วหรือยัง

สำหรับผู้หญิง ตรวจภายในธรรมดาๆโดยเอาสารคัดหลั่งมาตรวจหาเชื้อหนองในเทียม แต่ปกติแล้ว ผู้หญิงจะตรวจพบยากกว่าผู้ชาย จึงมักนิยมรักษาฝ่ายหญิงไปพร้อมๆ กับฝ่ายชาย (ยากินที่ใช้รักษาเป็นยาชนิดเดียวกับที่ใช้รักษาผู้ชาย)

ปัจจุบันในประเทศที่พัฒนาแล้วโดยเฉพาะสหรัฐนิยมตรวจหาเชื้อ Chlamydia trachomatis ด้วยวิธี PCR เป็นการตรวจสารคัดหลั่งจากปากมดลูกหรือตรวจจากน้ำปัสสาวะ (ตรวจได้ทั้งชายและหญิง) แต่การตรวจแบบนี้ยังมีราคาแพงและยังไม่เป็นที่แพร่หลายในประเทศไทย ส่วนใหญ่วิธีนี้นิยมใช้กันในโรงพยาบาลใหญ่ๆ หรือคลินิกเฉพาะทางบางแห่งเท่านั้น

ผู้ชาย จะมีโรคแทรกซ้อนตามมา ที่พบบ่อยคือ หนองในลงไข่ อัณฑะอักเสบ ถ้ายังไม่ใส่ใจ ปล่อยทิ้งไว้นาน หรือมัวแต่ซื้อยากินเอง อาจทำให้เป็นหมัน ไม่มีผู้สืบสกุล สูญพันธุ์ได้ (ฮา) โรคอื่นที่อาจตามมาคือ โรค Reiter's syndrome มีอาการ 3 อย่างร่วมกัน คือ ไขข้ออักเสบ เยื่อบุตาอักเสบ และมีปัสสาวะแสบ ขัด

ผู้หญิง เป็นฝ่ายที่น่าสงสาร เพราะอาจไม่รู้ตัวว่ามีเชื้อ โดยเฉพาะเชื้อ Chlamydia ที่พ่อเจ้าประคุณสามีเอามาฝากโดยไม่บอก ถ้าทิ้งไว้ไม่รักษา อาจเกิดการอักเสบในอุ้งเชิงกราน ปวดท้องน้อยเรื้อรัง ผลที่ตามมาคือ อาจมีลูกยาก เป็นหมัน หรือท้องนอกมดลูกได้ง่าย ถ้าท้องในมดลูกก็อาจแท้งได้ง่าย ในประเทศที่พัฒนาแล้วจะมีการตรวจคัดกรองเชื้อ Chlamydia เป็นประจำ โดยเฉพาะหญิงวัยเจริญพันธุ์ที่อายุน้อยมีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับเชื้อ (โดยไม่แสดงอาการและไม่รู้ตัว)

หนองในเทียมใช้ยากินเป็นหลัก และมักต้องกินยาวนาน บางรายอาจนานถึง 2 - 3 สัปดาห์ ดังนั้นจึงต้องตั้งใจกิน กินให้หมด หมอให้มากิน ไม่ได้ให้มาเก็บ

มีสามีหรือภรรยาคนเดียว รักเดียวใจเดียวว่างั้นเถอะ แม้แต่กิ๊กก็อย่าไว้ใจ แสบมาแยะแล้ว
ถ้ามีความจำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นที่ไม่ใช่ภรรยา ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง และทุกช่องทาง ทั้งช่องบนและช่องล่าง
ถ้าคุณเป็นโรคหนองในเทียมให้งดการมีเพศสัมพันธ์ การมีเพศสัมพันธ์อาจทำให้ช้ำมากขึ้น และเพื่อป้องกันการรับเชื้อเพิ่ม
อย่าลืมรักษาคู่นอนด้วย มีกี่คน บ้านเล็กบ้านใหญ่ ต้องรักษาให้ครบทุกคน

วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

หนองในแท้ (Gonorrhea)

หนองในแท้ หนองในแท้เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อยในช่วง 20 -30 ปีก่อน เรียกว่าเป็นพระเอกเลยทีเดียว จวบจนมีโรคเอดส์เข้ามา มีการรณรงให้ใช้ถุงยางอนามัยมากขึ้น โรคหนองในก็หายหน้าหายตาไปนาน จวบจนช่วงกลางปี 2546 เริ่มพบหนองในแท้มากขึ้นพร้อมกับข่าวร้ายที่ตามมาด้วย คือเชื้อนี้ดื้อยากินจนไม่อาจใช้ยากินรักษาได้อีกต่อไป หนองในแท้ (Gonorrhea) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สามารถรักษาหายขาดได้ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ Neisseria gonorrhoeae สามารถเกิดได้ทั้งที่อวัยวะสืบพันธุ์ มดลูก ปากมดลูก ช่องท้อง ในช่องปาก ทวารหนัก หรือแม้แต่นัยน์ตาทารกแรกเกิด สำหรับผู้หญิงบางคนรับเชื้อมาแล้วไม่มีอาการหรือมีตกขาวเล็กน้อย ไปซื้อยากินเองอาการสงบลงทำให้เข้าใจว่าไม่เป็น จะมาทราบอีกครั้งก็เมื่อมันลามเข้ามดลูก ไปสู่ปีกมดลูก ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน ปีกมดลูกอักเสบ ทำให้เกิดท้องนอกมดลูก หรือเป็นหมันในที่สุด
 

อาการและการแสดง ฝ่ายชาย หลังรับเชื้อมา 2 - 5 วันก็จะมีอาการปัสสาวะแสบขัด มีหนองไหลจากท่อปัสสาวะ แต่บางรายอาจรวดเร็วทันตาเห็น ไหลในวันรุ่งขึ้นก็เคยเจอ หรือบางรายอาจนานเป็นเดือนแล้วจึงค่อยมีอาการก็มี แต่ก็เป็นส่วนน้อย ส่วนใหญ่มักราว 2 - 5 วันนั่นแหละ มีหลายรายยังซื้อยากินเองแล้วอาการสงบไป ผ่านไปเป็นสัปดาห์ มาอีกทีก็เกิดโรคแทรกซ้อน อัณฑะบวมยากต่อการรักษา หรือบางรายอาจถึงกับเป็นหมันไปก็มี ส่วนฝ่ายหญิง บางรายอาจไม่มีอาการ รับเชื้อมาไว้เฉยๆก็เจอบ่อยๆ จะมาทราบอีกครั้งก็เมื่อชายที่มามีเพศสัมพันธ์ด้วยเกิดการติดเชื้อไป ส่วนคนที่รับเชื้อแล้วมีอาการ อาการที่เป็นก็เช่น ปัสสาวะแสบขัด หรือปัสสาวะมีเลือด มีเลือดออกเวลามีเพศสัมพันธ์ มีตกขาวสีเหลืองออกเขียวเป็นต้น ส่วนรายที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก เมื่อติดเชื้อก็จะมีอาการคันหรือระคายเคืองที่ทวารหนัก อาจมีเมือกหรือหนองออกมาทางทวารหนักเช่นเดียวกับในท่อปัสสาวะ มีคนเข้าใจผิดมากๆหลายราย ที่เข้าใจว่าเวลาไปเที่ยวไม่ใช้อวัยวะสอดใส่ แต่ให้หญิงบริการใช้ปากกับอวัยวะเพศของตนแล้วจะปลอดภัย คนที่เข้าใจอย่างนี้แสบมาแยะแล้ว เพราะในลำคอของหญิงบริการเหล่านี้ มีเชื้อโรคหนองในแท้อาศัยพักอยู่ เพราะเธอก็ไปใช้ปากให้กับผู้ใช้บริการรายอื่นมาก่อน เมื่อมาใช้ปากกับท่าน เชื้อหนองในเลยกระโดดมาติดอวัยวะของท่าน แบบนี้มาฉีดยาแยะแล้วนะครับ จะใช้ปากก็ต้องใส่ถุงยางอนามัยนะครับ

 

 การตรวจวินิจฉัย การตรวจวินิจฉัยไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าเป็นแพทย์ที่มีประสบการณ์ เห็นคนไข้บ่อยๆ บางครั้งแค่ฟังประวัติและเห็นลักษณะหนองก็บอกได้แล้วว่าใช่หรือไม่ใช่ ส่วนการตรวจยืนยัน คือการเอาหนองมาย้อมเชื้อส่องกล้องดู

รูปลักษณะหนอง


 


 


 

 
นอกจากการวินิจฉัยข้างต้นแล้ว ถ้าตรวจหาเชื้อไม่เจอ แต่สงสัยมากๆ ก็อาจเอาหนองมาเพาะเลี้ยงเชื้อก็ได้ ใช้เวลา 2 - 3 วันก็รู้ผล หรือปัจจุบันจากน้ำปัสสาวะหรือของเหลวจากปากมดลูกก็อาจนำมาตรวจหา DNA ของเชื้อก็ยังได้
 

ถ้าไม่รักษา อะไรจะเกิดขึ้น ถ้าไม่รักษา (หรือรักษาเองอาการสงบไป) เชื้ออาจลามลงอัณฑะทำให้อัณฑะอักเสบบวมเจ็บเป็นเหตุให้เป็นหมันหรืออาจลามเข้ากระแสเ ลือด ทำให้เกิดข้ออักเสบ ลิ้นหัวใจอักเสบ หรือแม้แต่เยื่อหุ้มสมองอักเสบได้ อาการแทรกซ้อนสำหรับฝ่ายหญิงคือทำให้เกิดการอักเสบที่อุ้งเชิงกราน หรือปีกมดลูกอักเสบ บางรายเป็นก้อนหนองที่ปีกมดลุกก็เคยมีให้เห็น ทำให้ท่อตีบตันอาจทำให้เป็นท้องนอกมดลูกตามมา หรืออาจเป็นหมันไปเลยก็ได้ ซึ่งจะนำมาสู่ปัญหาสาธารณสุขต่อไป แต่ที่น่าเป็นห่วงกังวลกว่านั้นก็คือ เมื่อท่านติดเชื้อหนองในได้ ท่านก็อาจติดเชื้อ hiv ได้เช่นกัน เพราะเมื่อเธอรับเชื้อหนองในมาได้ เธอก็อาจรับเชื้อ hiv มาด้วยได้เช่นกัน การรักษา ในตำรากล่าวถึงยารับประทานหลายตัวสามารถรักษาหนองในแท้ได้ แต่ในทางปฏิบัติจริงเชื้อเหล่านี้ดื้อยา จนไม่อาจใช้เป็นแนวทางรักษาได้แล้ว ต้องใช้ยาฉีดอย่างเดียว ดังนั้นถ้าท่านไปมีเพศสัมพันธ์แล้วมีอาการที่สงสัยว่าจะเป็นหนองในแท้ อย่ามัวเสียเวลาซื้อยากินเอง มิฉะนั้นเชื้อจะหลบจนท่านตายใจว่าหายแล้ว สุดท้ายจะเกิดภาวะแทรกซ้อนจนยากจะเยียวยาได้

วัยรุ่น รักได้ รักเป็น ให้สมวัย

วัยรุ่นกับพฤติกรรมทางเพศที่เหมาะสม ถ้าน้องๆเกิดความรู้สึกแบบนี้….นั่นแหละเข้าสู่วัยรุ่น ในวันวาเลนไทน์ อย่าประกันความรักด้วยการมีเพศสัมพันธ์ หันมามอบความรักให้กัน อย่างเหมาะสม รักได้แต่รักอย่างระวังชั่งใจ ระบายอารมณ์อย่างถูกวิธี สาเหตุและปัจจัยของ

 วัยรุ่น รักได้ รักเป็น ให้สมวัย


              วัยรุ่นกับพฤติกรรมทางเพศที่เหมาะสม  ถ้าน้องๆเกิดความรู้สึกแบบนี้….นั่นแหละเข้าสู่วัยรุ่น  ในวันวาเลนไทน์ อย่าประกันความรักด้วยการมีเพศสัมพันธ์  หันมามอบความรักให้กัน อย่างเหมาะสม  รักได้แต่รักอย่างระวังชั่งใจ  ระบายอารมณ์อย่างถูกวิธี  สาเหตุและปัจจัยของการมีเพศสัมพันธ์ 


วัยรุ่นกับเพศสัมพันธ์
ภาพอ้างอิงจาก http://www.uneezone.com/images/news/


วัยรุ่นกับพฤติกรรมทางเพศที่เหมาะสม


               วัยรุ่นเป็นวัยที่มีการเจริญเติบโตทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ อย่างมาก เป็นวัยที่ต้องการปรับตัวอย่างมาก โดยเฉพาะการปรับตัวในเรื่องเพศและการวางตัวกับเพศตรงข้าม วัยรุ่นอาจมีความสับสนความไม่มั่นใจในตนเองในเรื่องดังกล่าว ขณะเดียวกันก็ต้องการยอมรับ ต้องการมีความภาคภูมิใจในตนเอง ต้องการมีแบบอย่างตามที่ตนเองประสงค์ และมักจะเชื่อฟังเพื่อนมากกว่าพ่อแม่ ดังนั้นทำให้วัยรุ่นจำนวนไม่น้อยที่อาจต้องประสบปัญหากับการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โรคเอดส์ การตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ อันนำไปสู่ปัญหาด้านอนามัยเจริญพันธ์เยาวชนหรือวัยรุ่นในยุคปัจจุบันต้องยอมรับว่ามีความอ่อนแอทางจิตใจ วัฒนธรรมต่างประเทศและการบริโภคสื่อสารมวลชนโดยไม่ไตร่ตรองทำให้สังคมแวดล้อมมีความฟุ้งเฟ้อในระดับมีความเย้ายวนใจให้หวั่นไหวและคล้อยตามได้ง่ายถ้าน้องๆเกิดความรู้สึกแบบนี้นั่นแหละเข้าสู่วัยรุ่น เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม การแตกเนื้อหนุ่ม (สาว) มีความเปลี่ยนแปลงที่อวัยวะเพศ , เสียงเปลี่ยน ใจสับสน อารมณ์ของวัยรุ่นมักเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น โกรธง่าย ดีใจง่าย ทำให้แสดงออกโดยไม่กลั่นกรอง อยากเป็นอิสระ อยากมีเสรีของตนไม่อยู่ในอาณัติของผู้ใหญ่ มักทำให้วัยรุ่นแสดงท่าทีบางอย่างที่ผู้ใหญ่รู้สึกว่า เขาอวดดี ก้าวร้าว ไม่สุภาพอ่อนน้อม หรือท้าทายกฎเกณฑ์ของบ้าน ของโรงเรียน ซึ่งพ่อแม่จำเป็นต้อง สงบ ใจเย็น ให้เขาได้แสดงออกซึ่งความคิดเห็นส่วนตัวเพื่อพ่อแม่จะได้เข้าใจและช่วยส่งเสริมส่วนที่เขาคิดเห็นไม่ถูกต้อง อยากเด่น อยากทัดเทียมเพื่อฝูง ความด้อยในเรื่องรูปร่าง หน้าตา การเงิน สถานภาพทางสังคมและครอบครัว มักทำให้วัยรุ่นรู้สึกมีปมด้อยอย่างรุ่นแรงมากกว่าเด็กวัยอื่น เขาจะพยายามกลบเกลื่อนปมด้อยด้วยวิธีต่างๆ แยกตัวจากกลุ่มเพื่อน แสดงตัวโอ้อวดเพื่อเรียกร้องความสนใจ อยากรู้ อยากเห็น อยากลอง สนใจเพศตรงข้ามและอยากให้เพศตรงข้ามสนใจ การเตรียมการวัยรุ่นให้เข้าใจบทบาทของเพศหญิงและชาย โดยเปิดโอกาสให้เขาได้สังคมกับเพื่อนต่างเพศ จะดีกว่าการปิดกั้นความต้องการนี้อย่างเคร่งครัด อยากรู้จักตัวเอง สับสนในการแสวงหาเอกลักษณ์ของตนเอง ทำให้วัยรุ่นเกิดความไม่มั่นใจ “จะเป็นเหมือนใคร” “จะเป็นหญิงหรือชาย” ความสงบสุขในครอบครัว จะช่วยให้เขารูสึกมั่นคงและภาคภูมิใจที่จะเลียนแบบเอกลักษณ์จากบุคคลที่เขาชื่นชอบ ซึ่งก็คือพ่อแม่นั่นเอง  


ในวันวาเลนไทน์ อย่าประกันความรักด้วยการมีเพศสัมพันธ์


               วันวาเลนไทน์หรือวันแห่งความรักวัยรุ่ยจำนวนหนึ่งมักใช้เป็นวันที่แสดงความรักต่อกันในด้านเพศสัมพันธ์หากใครที่คิดจะฉลองวันแห่งความรักโดยการเป็นของกันและกันย่อมเป็นที่ทราบอยู่แล้วว่าคนนี้รู้หน้า ไม่รู้ใจ หน้าตาหล่อ สวย ไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่าจะไม่เป็นโรคที่ร้ายแรง จะถ่ายทอดไปยังกันและกันได้ ซึ่งอาจจะนำไปสู่ปัญหาต่างๆ ภายหลัง ดังนั้นถ้ามีความสุขกันทั้งที แล้วต้องมาคิดมากหลังจากความสุขนั้นผ่านไปแล้วจะคุ้มค่า หรือสู้ป้องกันไว้ก่อนน่าจะดีกว่า ถุงยางอนามัยจึงมีประโยชน์มากในจุดนี้การจัดนิทรรศการ เพื่อเป็นของขวัญให้กับวัยรุ่นโดยการถือเอาวันแห่งความรัก เป็นวันประกาศให้วัยรุ่นได้ตระหนักถึงความรักที่เหมาะสมกับวัยและวัฒนธรรมอันดีงามของชาติเพื่อให้มีความสุขเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพและสุขภาพอนามัยดี ทั้งร่างกายและจิตใจ


หันมามอบความรักให้กัน อย่างเหมาะสม


          การร่วมเพศนั้นมิใช่เป็นปรากฏการณ์ที่สร้างความสุขให้แก่ชาย หญิงเพียงฝ่ายเดียว ธรรมชาติ ให้การร่วมเพศเป็นการที่มนุษย์เราจะสามารถสืบพันธ์มีลูกมีหลานสืบต่อเนื่องกันได้ คู่หนุ่มสาวทุกคู่จึงควรศึกษาถึงผลแห่งความรักหรือที่เรียกว่า “พยานรัก” อันที่จะติดตามมาทุกครั้งที่หลั่งน้ำอสุจิฝ่ายชายจะปลดปล่อยเชื้ออสุจิมากมายหลายล้านตัวในน้ำอสุจินั้นให้แหวกว่ายไปตามช่องคลอด ผ่านมดลูกไปสู่ท่อรังไข่ ตัวอสุจิที่แข็งแรงที่สุดเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่จะสามารถเจาะผนังของไข่เข้าไปผสมพันธุ์ได้ ไข่ที่ได้รับการผสมพันธุ์แล้วจะเคลื่อนตัวลงมาที่มดลูดไข่จะฝังตัวเข้ากับเยื่อผนังมดลูก 


การร่วมเพศ
ภาพอ้างอิงจากhttp://hilight.kapook.com/view/7595



รักได้แต่รักอย่างระวังชั่งใจ


           น้องวัยรุ่นชายแน่ใจหรือเปล่าว่าหญิงสาวคนนี้ คือ คนที่คุณต้องการร่วมชีวิตจริงๆ แน่ใจไหมว่าพร้อมจะรับผิดชอบภาระผูกพันที่อาจตามมา เช่น ฝ่ายหญิงอาจท้องจนเกิดปัญหาในการตั้งครรภ์อย่างเต็มใจ แน่ใจได้อย่างไรว่าแฟนคุณไม่เคยมีใครหรือมีเพศสัมพันธ์กับใครมาก่อน ที่สำคัญจะมั่นใจได้อย่างไร เธอไม่มีไวรัสเอดส์อยู่ในตัว น้องๆวัยรุ่นหญิง“ยังไง…….เราก็ไม่ถอดผ้า”ผู้หญิงมามารถสร้างความสุขเล็กๆน้อยๆ โดยการสัมผัสแตะต้องกันภายนอก เช่น จับมือ โอบไหล่ โอบเอว กอดจูบ ฯลฯ แต่ไม่ควรเลยเถิดถึงการมีเพศสัมพันธ์ “มือช่วยเท่านั้น เขาก็มีความสุขแล้ว”ผู้หญิงสามารถช่วยระบายอารมณ์ทางเพศให้ฝ่ายชายได้โดยการลูบคลำอวัยวะเพศจนเขาถึงความสุขสุดยอด “หยุดไม่ได้..ยังไงก็ต้องใช้เกราะป้องกัน”หากอารมณ์รักพาไปสู่การมีเพศสัมพันธ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ น้องๆก็ควร “พร้อมที่จะมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยโดยกล้าพูดคุยตกลงว่า “ยังไงๆก็ต้องใช้ถุงยาง” เพื่อความสบายใจ , ปลอดภัย และไม่เกิดปัญหาที่คาดไม่ถึงตามมา 


                


ถุงยาง
 ภาพประกอบจาก  http://power.lannapoly.ac.th/5.gif


ระบายอารมณ์อย่างถูกวิธี


              ดีแล้วแหละครับ ที่น้องๆคิดได้ว่าไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ในวัยที่ยังไม่เหมาะสม แต่น้องๆก็ควรมีโอกาสเรียนรู้เรื่องเพศได้จากหนังสือ ภาพยนตร์ หรือพูดคุยกับเพื่อนสนิทและลองใช้ทางเลือกต่อไปนี้


              หากิจกรรมทำยามว่างให้เพลิดเพลิน เช่น อ่านหนังสือ ท่องเที่ยว ฟังคนตรี เล่นกีฬา ปลูกต้นไม้ หรือทำกิจกรรมเป็นประโยชน์อื่นๆ ปรึกษา สอบถามพ่อแม่ ผู้ปกครอง ผู้ที่เราวางใจได้ เรื่องเพศศึกษาหรือปัญหาต่างๆ ที่ยังไม่รู้ ใช้ “วิธีการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง”


สาเหตุและปัจจัยของการมีเพศสัมพันธ์


           กลุ่มวัยรุ่นเพศชายอยากรู้อยากลองเพื่อนชวนดื่มสุราหรือของมึนเมาเสพสารเสพติด ค่านิยม ขึ้นครู การมีเพศสัมพันธ์กับหญิงขายบริการต้องการพิสูจน์ความเป็นผู้ชาย การไปเที่ยวสถานเริงรมย์การดูสื่อยั่วยุอารมณ์ทางเพศคิดว่าคนมีการศึกษาคงไม่ติดเอดส์คิดว่าลองเสี่ยงเพียงครั้งเดียวคงไม่ติดเชื้อคิดว่าคงไม่โชคร้ายเกินไปกลุ่มวัยรุ่นเพศหญิงขาดความรู้และทักษะในการป้องกันตัวไม่รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของผู้ชายมองโลกในแง่ดีเลียนแบบวัฒนธรรมตะวันตกคิดว่าเป็นสิ่งที่ทันสมัยรักสนุกดื่มสุราและเสพของมึนเมาติดยาเสพติด วัตถุนิยม ความอยากได้ทรัพย์สินสิ่งของจนยอมเอาตัวเข้าแลก ไม่สามารถประเมินสถานการณ์ได้ คิดว่าเป็นบทสรุปของความรัก ขาดความรัก ความอบอุ่นจากครอบครัว คิดว่าคู่นอนรักเดียวใจเดียวคิดว่าคู่ที่ดูดีมีการศึกษาคงไม่ติดเชื้อเอดส์ คิดว่าครั้งเดียวคงไม่เป็นไร


      เนื้อหาสำหรับกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา  ระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4-6


     ช่วงชั้นที่ 4


         ประเด็นคำถาม


               1. การมอบความรักให้กัน  จำเป็นด้วยหรือต้องมีเพศสัมพันธ์
               2. จงบอกวิธีระบายอารมณ์ทางเพศอย่างถูกวิธี
               3. จงบอกสาเหตุปัจจัยที่มีเพศสัมพันธ์


         กิจกรรมเสนอแนะ


        ให้นักเรียนศึกษาเพิ่มเติม เอกสารประกอบการเรียน  หรือหนังสืออ่านเพิ่มเติมและสำรวจตนเอง ให้มีความปลอดภัยจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้องและเหมาะสม


        บูรณาการกลุ่มสาระ


1. กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เกี่ยวกับเพศและสิ่งแวดล้อม
ข้อมูลจาก   http://www.mhso.moph.go.th/aid
ภาพอ้างอิงจากhttp://hilight.kapook.com/view/7595
อึ้ง! วัยรุ่นให้ของขวัญวาเลนไทน์ ด้วย Sex 

เซ็กซ์-มิติ”เพศ” คนไทยยุคไซเบอร์


เซ็กซ์-มิติ”เพศ” คนไทยยุคไซเบอร์
สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล จัดประชุมวิชาการประจำปี ครั้งที่ 4 “ประชากรและสังคม 2551″ เรื่อง มิติ “เพศ” ในประชากรและสังคม ที่โรงแรมรอยัลริเวอร์ มีผลงานวิจัยด้านสตรีและเรื่องเพศที่น่าสนใจหลายเรื่อง

รศ.กฤตยา อาชวนิจกุล รองผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดผลงานวิจัย เรื่อง “เซ็กซ์ครั้งแรกของสังคมไทยต้องการหรือถูกบังคับ คู่นอนคือใครและใช้ถุงยางหรือไม่” สำรวจเรื่องพฤติ กรรมทางเพศในประ เทศไทยปี 2549 จากกลุ่มอายุ 18-24 ปี และกลุ่มอายุ 29-59 ปี ในเขตเมืองและชนบท 14 จังหวัด จาก 75 จังหวัด ไม่รวมกรุงเทพฯ ชายและหญิงรวม 6,048 คน อย่างละครึ่ง

พบว่า เซ็กซ์ครั้งแรกของชายไทย ร้อยละ 93 เป็นที่ต้องการของตนเอง ขณะที่ผู้หญิง ร้อยละ 79 เป็นการยินยอม ในทางกลับกัน 1 ใน 5 ของผู้หญิง ทุกกลุ่มอายุ มีเซ็กซ์ครั้งแรกแบบไม่ยินยอมพร้อมใจ และที่น่าตกใจคือคนที่มีเซ็กซ์ครั้งแรกเมื่ออายุ 10-14 ปี หรือร้อยละ 46 เป็นเซ็กซ์ที่ไม่ตั้งใจ

การสำรวจพบด้วยว่า ผู้หญิงครึ่งหนึ่งมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกกับคนคุ้นเคย ได้แก่ สามี ร้อยละ 54 รองลงมาคือแฟน ร้อยละ 40 ขณะที่ผู้ชายมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกกับภรรยาไม่ถึงร้อยละ 10 แต่มากกว่า 1 ครั้ง มีเซ็กซ์ครั้งแรกกับแฟนร้อยละ 54 รองลงมาคือกับเพื่อนร้อยละ 15 และผู้หญิงบริการ ร้อยละ 12.5 อัตราการใช้ถุงยางอนามัยของหญิงบริการกับชายนักเที่ยว ร้อยละ 97 ใช้ถุงยางอนามัย แต่ถ้าเป็นแฟนหรือคู่รักแล้วหญิงบริการมักไม่ใช้ถุงยางร้อยละ 69 และหากเป็นแขกขาประจำ พบว่าไม่ค่อยใช้ถุงยางอนามัยอีกเช่นกัน

รศ.กฤตยากล่าวต่อว่า จากการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับความรุนแรงทางเพศ ข่าวสารและบทความย้อนหลัง 10 ปี จำนวน 17,000 ชิ้น พบว่า ข่าวสารส่วนใหญ่เป็นเรื่องความรุนแรง ร้อยละ 64 และเรื่องข่มขืน ร้อยละ 35

การบังคับขืนใจทางเพศเกิดจากคนใกล้ตัวมากกว่าคนแปลกหน้า เช่น สามี แฟน เพื่อนหรือญาติพี่น้อง ปู่ พ่อ ลุง และครู อาจารย์ นอกจากนี้พบว่าผู้หญิงมากกว่า 2 ใน 3 ถูกแฟนบังคับให้มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ร้อยละ 65

ในเรื่องการใช้ถุงยางอนามัย พบว่าเซ็กซ์ครั้ง แรกของคนไทยไม่นิยมใช้ เพราะถือว่าเป็นเครื่องกีดขวางสุนทรียรสการมีเพศสัมพันธ์ มีความคิดว่า การไม่ใช้ถุงยางอนามัยแสดงถึงความรัก ความไว้ใจ ความซื่อสัตย์ ถ้ารักกันจริงต้องไม่ใช้ถุงยางอนามัย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เกิดปัญหาการติดเชื้อของผู้หญิงและวัยรุ่นมากขึ้น และความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่างผู้กระทำกับผู้ถูกกระทำ ทำให้ตกอยู่ในวงจรอำนาจที่แยบยล เช่น สถานภาพครูกับลูกศิษย์ ผู้ใหญ่กับผู้น้อย พ่อกับลูก นายจ้างกับลูกจ้าง เจ้าหนี้กับลูกหนี้ รุ่นพี่กับรุ่นน้อง

สําหรับผลสำรวจ “รสนิยมทางเพศของเด็กไทยยุคไซเบอร์” โดย รศ.ศิรินันท์ กิตติสุขสถิต จากสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อปี 2547 พบว่า วัยรุ่นส่วนใหญ่ร้อยละ 91.4 ให้คำตอบกับรสนิยมทางเพศของตนว่ารักเพศตรงข้าม และมีเพียงส่วนน้อย ร้อยละ 3.4 ที่รักเพศเดียวกัน และร้อยละ 5.2 บอกว่ารักทั้งสองเพศ ซึ่งไม่ประหลาดใจ เพราะสังคมส่วนใหญ่คาดหวังที่จะได้คำตอบตามกรอบประเพณี

เมื่อจำแนกกลุ่มตัวอย่างเพศหญิงและชาย พบว่า วัยรุ่นหญิงมีรสนิยมรักเพศเดียวกัน ร้อยละ 5.4 มากกว่าวัยรุ่นชายเพียงเล็กน้อย ร้อยละ 1.5

ส่วนรสนิยมที่รักทั้งสองเพศ ก็พบว่าวัยรุ่นหญิง ร้อยละ 8.4 ระบุว่ารักทั้งสองเพศ มากกว่าวัยรุ่นชายเป็น 4 เท่า หรือร้อยละ 1.9 จากผลสำรวจยืนยันได้ว่าวัยรุ่นหญิงยอมรับและเปิดเผยรสนิยมรักเพศเดียวกันมากกว่าวัยรุ่นชาย

ในคำถามว่า ถ้าเพื่อนสนิทมีรสนิยมชอบเพศเดียวกัน เช่น เป็นเกย์ ทอม ตุ๊ด ดี้ จะรู้สึกอย่างไร คำตอบร้อยละ 25.6 เห็นด้วยและยอมรับว่าเป็นเรื่องธรรมดา ขณะที่ร้อยละ 42.2 ยอมรับได้น้อย

ในหัวข้อ วัยรุ่นไทยกับการจำแนกตามรสนิยมทางเพศและการปรึกษาเรื่องเพศจากสื่อ พบว่า อินเตอร์เน็ตเป็นช่องเปิดโอกาสให้วัยรุ่นไทยมีรสนิยมรักทั้งสองเพศและรักเพศเดียวกันได้ค้นคว้าหาความรู้ความเข้าใจเรื่องเพศ

โดยวัยรุ่นที่รักเพศเดียวกันร้อยละ 46.2 และวัยรุ่นที่รักทั้งสองเพศร้อยละ 40.0 และกลุ่มรักต่างเพศ ร้อยละ 34.3 ระบุว่า สื่อสารผ่านอินเตอร์เน็ต

ในส่วนของกลุ่มหญิงบริการ ผลการสำรวจเรื่อง “เซ็กซ์กับสุขภาพทางเพศในพนักงานบริการหญิง” จัดทำโดย ดุสิตา พึ่งสำราญ นักวิจัยประจำสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับกลุ่มเพื่อนพนักงานบริการ (SWING) พบว่า หญิงบริการมีอายุและการศึกษาสูงขึ้นกว่าเดิม และหญิงบริการร้อยละ 35 มีแฟน สามี และร้อยละ 94 เคยแต่งงานมาก่อน โดย 1 ใน 3 มีคู่มากกว่า 1 คน ซึ่งแฟน คู่หรือคนพิเศษนั้นเป็นแขกที่มาซื้อบริการและดูแลเรื่องการเงินให้

ข้อมูลดังกล่าวได้จากการสำรวจและสัมภาษณ์พนักงานบริการหญิง เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ปี 2550 ใน 4 จังหวัด คือ กรุง เทพฯ ชลบุรี เชียงใหม่ และสงขลา จากสถานบริการและพนักงานบริการทางเพศ 6 ประเภท ได้แก่ ซ่อง บ้านสาว อาบอบนวด อะโกโก้ บาร์เบียร์ คาราโอเกะ และพนักงานบริการหญิงอิสระ

การสำรวจนี้พบด้วยว่า หญิงบริการผ่านการมีลูกมาแล้วอย่างน้อย 1 คน ถึงร้อยละ 63 แต่มีเพียงส่วนน้อยที่อาศัยอยู่กับลูกโดยจะส่งไปให้ปู่ย่าตายายดูแล ร้อยละ 12 ขณะที่ร้อยละ 44 บอกว่าอยู่คนเดียว ร้อยละ 35 อยู่กับเพื่อนที่ทำงานด้วยกัน และร้อยละ 22 อยู่กับแฟน สามี และคู่ครอง

ทั้งนี้ ยังพบว่าส่วนใหญ่สมัครใจมาทำงานและมักเป็นผู้ที่เคยมีคู่ครองมาแล้ว โดยร้อยละ 69 มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกอายุ 15-24 ปี มีเพียงร้อยละ 8.4 ที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกก่อนอายุ 15 ปี และร้อยละ 83 ของพนักงานบริการ มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกจากคู่ครอง แฟน มีเพียงร้อยละ 6 เท่านั้นที่บอกว่ามีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกกับลูกค้า

ส่วนการเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพทางเพศ พบว่า ร้อยละ 99.5 รู้จักเอชไอวี แต่เกือบครึ่งหนึ่งไม่รู้จักโรคติด ต่อทางเพศสัมพันธ์ถึงร้อยละ 43

แม้ว่าสถานบริการบางแห่งมีกฎให้มีการตรวจภายในหลังรับแขกหรือก่อนรับเงินเดือน แต่ยืนยันไม่ได้ว่าผ่านการตรวจมาแล้ว เช่น ก่อน 6 เดือนที่มีการสัมภาษณ์พนักงานบริการหญิงในบาร์เบียร์ ร้อยละ 46 บาร์อะโกโก้ ร้อยละ 20 และอาบอบนวดร้อยละ 5 ไม่เคยรับการตรวจโรค และยังพบว่าผู้หญิงจำนวนหนึ่งไปคลินิกเอกชนเพื่อซื้อใบรับรองแพทย์ นำไปยืนยันว่าผลการตรวจเป็นปกติโดยไม่ต้องเข้ารับการตรวจ

ข้อมูลจากข่าวสด

วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

อันดับ 4 ฉากรักแนว หญิงรักหญิง ที่ดีที่สุด(Gia)

อันดับ 4 ฉากรักแนว หญิงรักหญิง ที่ดีที่สุด(Gia)

[Gia.png]


Gia เกีย เป็นภาพยนต์แนวหญิงรักหญิง ที่เป็นหนังสร้างจากเรื่องราวชีวิตจริง ของนางแบบชื่อดัง ที่มีชีวิตอยู่ ในช่วงปี 1960-1986ที่ชื่อว่า Gia Marie Carangi ค่ะ เป็นวัยรุ่นจาก Philadelphia ที่ย้ายมายังนิวยอร์ค แล้วได้รับการทาบทามให้เป็นนางแบบ แต่หลังจาก Linda ทิ้ง Gia ไปรักกับผู้ชาย Gia เลยซึมเศร้าอย่างแรงและทำให้ Gia ....

ข้อมูล ภาพยนต์เรื่อง Gia.กำกับการแสดงโดย : Michael Cristofer
.เขียนบทโดย : Jay McInerney , Michael Cristofer
.เข้าฉายวันที่ : 31 มกราคม 1998
.ความยาวภาพยนต์ : 126 นาที
.นำแสดงโดย ---Angelina Jolie แสดงเป็น Gia Carangi

รูปภาพตัวอย่างบางส่วน ของ อันดับ 4 ฉากรักแนว หญิงรักหญิง(Gia)

[Gia.png]


[Gia.png]


[Gia.png]


[Gia.png]


บทความที่เกี่ยวข้องกับ Angelina Jolie

อันดับ 3 ฉากรักแนว หญิงรักหญิง ที่ดีที่สุด

อันดับ 3 ฉากรักแนว หญิงรักหญิง ที่ดีที่สุด Desert Hearts

[desert_hearts.jpg]


เรื่องย่อ
Desert Hearts is set in 1959. Vivian Bell (Shaver), an English professor at Columbia University, travels to Nevada to establish 6-week residency to obtain a divorce. She stays at a guest house for women waiting for their divorces to be finalized, owned by Frances Parker (Lindley).

Vivian meets Cay Rivvers (Charbonneau) a free-spirited sculptor to whom Frances is a surrogate mother. Cay works at a casino as a change operator in Reno, and is ending a relationship with Darrell, her boss, because as she put it, she "allowed (her)self to be attracted to his attraction" for her. When Vivian arrives, Cay notices her, and tightly controlled and elegant Vivian in turn is taken aback by Cay's boldness and lack of concern of what others think of her. Cay reveals that she has had relationships with women in the past. Frances notices that Vivian is becoming a bigger part of Cay's life and resents her for it, afraid that Cay will leave her and she will be alone. When everyone attends an engagement party for Cay's best friend Silver, Cay drives a drunken Vivian to Lake Tahoe afterwards and kisses her. Vivian returns it passionately and is so surprised by her response that she begs Cay to take her home. When they return at the ranch in the early morning, Frances has had Vivian's bags packed and a taxi waiting for her, furious (wrongfully assuming) that she has seduced Cay. Cay leaves the ranch immediately and Vivian endures the rest of her stay in a hotel casino.

After some days apart, both Cay and Vivian are clearly confused and hurt. Cay goes to visit Vivian at her hotel and overcomes Vivian's resistance to making love to another woman and they begin an affair. With Vivian's impending finalization of her divorce, they must sort out the future of their relationship, Vivian afraid of what people will think of her, and Cay unsure of what she would ever do in New York City. Frances and Cay are brought together, and Cay admits to Frances that Vivian has "reached in and put a string of lights around her heart". As Vivian is at the train station to take her back, she convinces Cay to discuss coming with her just until the next station.

ข้อมูลภาพยนต์
กำกับการแสดงโดย : Donna Deitch
เขียนบทภาพยนต์โดย : Jane Rule (novel) , Natalie Cooper
นำแสดงโดย : Helen Shaver , Patricia Charbonneau , Audra Lindley
ออกฉายวันที่ : 28 สิงหาคม 1985
ความยาว : 96 นาที
รูปภาพประกอบ อันดับ 3 ฉากรักแนว หญิงรักหญิง

[desert_hearts.jpg]


[desert_hearts.jpg]


ข้อมูลอ้างอิง
http://en.wikipedia.org/wiki/Desert_Hearts

ผู้ติดตาม