เมื่อมีการอักเสบในท่อปัสสาวะ เอาหนองหรือของเหลวจากท่อปัสสาวะมาตรวจย้อมแล้วส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์(หรือตรวจด้วย วิธีอื่น) ถ้าไม่พบเชื้อหนองในแท้ (gram negative dipplococci) เราจะจัดให้อยู่ในกลุ่มหนองในเทียมทั้งหมด เพราะการรักษาไม่ต่างกัน
หนองในเทียมมีชื่อภาษาอังกฤษหลายชื่อ เช่น NGU, NSP, PGU แต่ละชื่อมีความแตกต่างกันเล็กน้อย
รูปเชื้อหนองในเทียม
NGU (Non-Gonococcal Urethritis) ในผู้ชาย เมื่อตรวจหนองแล้วพบว่ามีการอักเสบ แต่ไม่พบเชื้อหนองในแท้ แต่อาจพบเชื้ออื่นเช่น Chlamydia หรือ ureaplasma หรือเชื้ออื่นๆ
NSU (Non-Specific Urethritis) หมายถึง ท่อปัสสาวะอักเสบ จะไม่พบเชื้อใดๆ อาจอักเสบอาจเกิดจากการสวนท่อปัสสาวะ เคล็ดจากการมีเพศสัมพันธ์ แพ้ยา แพ้อาหารทะเล หรือเกิดจากการบาดของผลึกอาหารบางอย่าง
PGU (Post-Gonococcal Urethritis) หมายถึง การอักเสบในท่อปัสสาวะหลังรักษาหนองในแท้หายแล้ว
ตัวต้นเหตุ
ติดมาได้ยังไง
นานแค่ไหนถึงมีอาการ
มีอาการอะไรบ้าง
หมอตรวจยังไง
ถ้าไม่รักษาจะเกิดอะไรขึ้น
แล้วจะรักษายังไง
แล้วจะป้องกันตัวเองได้อย่างไร
จากข้อความที่เกริ่นข้างต้นคงพอจะทราบแล้วว่า หนองในเทียมมีทั้งประเภทที่มีเชื้อและไม่มีเชื้อ ประเภทที่มีเชื้อ ก็มีได้หลายเชื้อ เช่น แบคทีเรีย ไวรัส โปรโตซัว หรือเชื้อรา ซึ่งเชื้อส่วนใหญ่ (เกินครึ่ง) ที่ตรวจพบคือเชื้อ Chlamydia trachomatis และ Ureaplasma urealyticum ส่วนโรคเริมหรือพยาธิในช่องคลอด (Trichomanas vaginalis) ก็อาจทำให้เกิดหนองในเทียมได้
ส่วนใหญ่ติดจากการร่วมเพศ ไม่ว่าจะเป็น ทางปาก ทางช่องคลอด หรือทางทวารหนัก ก็ติดโรคนี้ได้ทั้งสิ้น ผู้ชายหลายคนอาจคิดว่า การให้ผู้หญิงใช้ปากโดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยจะไม่ทำให้ติดโรค ถือเป็นความเข้าใจที่ผิด ! นอกจากสาเหตุหลักนี้แล้ว สาเหตุอื่นที่ทำให้ติดโรคได้เช่น การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ การอักเสบของต่อมลูกหมาก เคล็ดจาการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง แพ้ยา หรือแพ้สารอาหารบางอย่าง
หลังรับเชื้อมาแล้วหนึ่งถึงสามสัปดาห์ หรือบางรายอาจนานเป็นเดือน หนองในเทียมจะเริ่มแสดงอาการ
ส่วนหนองในแท้จะแสดงอาการเร็วกว่าหนองในเทียม โดยจะแสดงอาการภายใน 3-4 วัน
ในผู้ชาย อาการมักเกิดหลังติดเชื้อประมาณ 1-3 สัปดาห์ โดยจะมีอาการแสบที่ปลายท่อปัสสาวะ ปัสสาวะแสบขัดเล็กน้อย บางรายอาจคันหรือระคายเคืองท่อปัสสาวะ หรือปวดหน่วงตรงฝีเย็บใกล้ทวารหนัก มีหนองซึม ลักษณะเป็นมูกใสหรือมูกขุ่น (หนองในแท้ หนองจะมีลักษณะข้นกว่า) มีออกเพียงเล็กน้อย ในระยะแรกอาจรู้สึกแสบๆในท่อปัสสาวะ และมีมูกออกเล็กน้อยเฉพาะในช่วงเช้าเท่านั้น ต่อมาจะเริ่มแสดงอาการมากขึ้น
ในผู้หญิง มักไม่แสดงอาการ อาจมีเพียงตกขาวผิดปกติ หรือปัสสาวะแสบเล็กน้อยในบางครั้ง
เด็กแรกเกิดที่แม่มีเชื้อหนองในเทียม โดยเฉพาะเชื้อ Chlamydia อาจมีอาการตาแดงตาอักเสบหรือปอดบวมได้
สำหรับผู้ชาย นำสารคัดหลั่งจากท่อปัสสาวะมาย้อมสี ส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ ถ้ามีสารคัดหลั่งน้อย หมออาจเอาลวดแหย่เข้าไปในท่อปัสสาวะเพียงตื้นๆ เพื่อเอาสารคัดหลั่งมาตรวจ แต่ถ้าใครมีหนองหรือเมือกให้เห็น ก็เอาแผ่นกระจกป้ายแล้วนำมาย้อมสี ส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ การตรวจเพียงแค่นี้ก็นับว่าเพียงพอแล้วสำหรับการวินิจฉัย แต่ถ้ารักษาแล้วยังไม่ดีขึ้นหรือไม่หาย ก็ต้องตรวจเพิ่มเติมด้วยวิธีการอื่น เช่น เพาะเชื้อ ตรวจ PCR เป็นต้น
นอกจากนี้หมออาจตรวจปัสสาวะ วิธีนี้เรียกว่า TWO GLASS TEST เพื่อดูว่า การอักเสบลุกลามไปถึงท่อปัสสาวะส่วนต้นหรือส่วนโคนแล้วหรือยัง
สำหรับผู้หญิง ตรวจภายในธรรมดาๆโดยเอาสารคัดหลั่งมาตรวจหาเชื้อหนองในเทียม แต่ปกติแล้ว ผู้หญิงจะตรวจพบยากกว่าผู้ชาย จึงมักนิยมรักษาฝ่ายหญิงไปพร้อมๆ กับฝ่ายชาย (ยากินที่ใช้รักษาเป็นยาชนิดเดียวกับที่ใช้รักษาผู้ชาย)
ปัจจุบันในประเทศที่พัฒนาแล้วโดยเฉพาะสหรัฐนิยมตรวจหาเชื้อ Chlamydia trachomatis ด้วยวิธี PCR เป็นการตรวจสารคัดหลั่งจากปากมดลูกหรือตรวจจากน้ำปัสสาวะ (ตรวจได้ทั้งชายและหญิง) แต่การตรวจแบบนี้ยังมีราคาแพงและยังไม่เป็นที่แพร่หลายในประเทศไทย ส่วนใหญ่วิธีนี้นิยมใช้กันในโรงพยาบาลใหญ่ๆ หรือคลินิกเฉพาะทางบางแห่งเท่านั้น
ผู้ชาย จะมีโรคแทรกซ้อนตามมา ที่พบบ่อยคือ หนองในลงไข่ อัณฑะอักเสบ ถ้ายังไม่ใส่ใจ ปล่อยทิ้งไว้นาน หรือมัวแต่ซื้อยากินเอง อาจทำให้เป็นหมัน ไม่มีผู้สืบสกุล สูญพันธุ์ได้ (ฮา) โรคอื่นที่อาจตามมาคือ โรค Reiter's syndrome มีอาการ 3 อย่างร่วมกัน คือ ไขข้ออักเสบ เยื่อบุตาอักเสบ และมีปัสสาวะแสบ ขัด
ผู้หญิง เป็นฝ่ายที่น่าสงสาร เพราะอาจไม่รู้ตัวว่ามีเชื้อ โดยเฉพาะเชื้อ Chlamydia ที่พ่อเจ้าประคุณสามีเอามาฝากโดยไม่บอก ถ้าทิ้งไว้ไม่รักษา อาจเกิดการอักเสบในอุ้งเชิงกราน ปวดท้องน้อยเรื้อรัง ผลที่ตามมาคือ อาจมีลูกยาก เป็นหมัน หรือท้องนอกมดลูกได้ง่าย ถ้าท้องในมดลูกก็อาจแท้งได้ง่าย ในประเทศที่พัฒนาแล้วจะมีการตรวจคัดกรองเชื้อ Chlamydia เป็นประจำ โดยเฉพาะหญิงวัยเจริญพันธุ์ที่อายุน้อยมีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับเชื้อ (โดยไม่แสดงอาการและไม่รู้ตัว)
หนองในเทียมใช้ยากินเป็นหลัก และมักต้องกินยาวนาน บางรายอาจนานถึง 2 - 3 สัปดาห์ ดังนั้นจึงต้องตั้งใจกิน กินให้หมด หมอให้มากิน ไม่ได้ให้มาเก็บ
มีสามีหรือภรรยาคนเดียว รักเดียวใจเดียวว่างั้นเถอะ แม้แต่กิ๊กก็อย่าไว้ใจ แสบมาแยะแล้ว
ถ้ามีความจำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นที่ไม่ใช่ภรรยา ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง และทุกช่องทาง ทั้งช่องบนและช่องล่าง
ถ้าคุณเป็นโรคหนองในเทียมให้งดการมีเพศสัมพันธ์ การมีเพศสัมพันธ์อาจทำให้ช้ำมากขึ้น และเพื่อป้องกันการรับเชื้อเพิ่ม
อย่าลืมรักษาคู่นอนด้วย มีกี่คน บ้านเล็กบ้านใหญ่ ต้องรักษาให้ครบทุกคน